บิตคอยน์(BTC) ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ ‘90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,300.1 ล้านบาท)’ ได้ แม้จะพยายามหลายครั้งในช่วงปลายปีนี้ สวนทางกับตลาดโดยรวมที่เข้าสู่ภาวะซบเซา บางเหรียญอย่าง ‘แคย์เดน튼(CC)’ และ ‘ซีแคช(ZEC)’ กลับปรับตัวขึ้นแรง ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน
บิตคอยน์ยังคงประสบปัญหาในการทะลุระดับราคาสำคัญ แม้ในวันจันทร์จะสามารถแตะระดับ 90,000 ดอลลาร์ได้ชั่วครู่ แต่กลับเจอแรงขายกดลงร่วงกลับมา และขณะนี้ราคากลับมายืนเหนือระดับเพียง 88,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,272.1 ล้านบาท) เท่านั้น ตั้งแต่ต้นเดือน บิตคอยน์พยายามทะลุระดับ 94,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,357.5 ล้านบาท) หลายครั้ง และล้มเหลวมาแล้วถึง 5 รอบนับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม
แม้จะติดแนวต้าน แต่ ‘บิตคอยน์’ ยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดคริปโตมากกว่า 57% ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่กว่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,528 ล้านล้านบาท) สะท้อนว่ากระแสเงินยังคงอยู่ที่บิตคอยน์เป็นหลัก แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าระดับราคาสำคัญมีแรงขายสะสมอยู่ไม่น้อย
ท่ามกลางตลาดซบเซา ภาพรวม ‘อัลต์คอยน์’ ส่วนใหญ่ยังคงลดลง โดย อีด้า(ADA) ลดลงกว่า 4%, เมนเทิล(MNT) ดิ่งลงเกิน 5%, ขณะที่สเตลลาร์ลูเมน(XLM) และโมเนโร(XMR) ก็ร่วงลงราว 3–3.5% อีเธอเรียม(ETH) ทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 433,000 บาท) ในช่วงสั้น ก่อนที่จะร่วงลงมาอีกครั้ง ส่วนเหรียญใหญ่อื่น ๆ อย่าง ไบแนนซ์คอยน์(BNB), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), บิตคอยน์แคช(BCH), เชนลิงก์(LINK) และโดจคอยน์(DOGE) ก็ล้วนปิดตลาดด้วยการปรับตัวลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แคย์เดนตัน(CC) กลับพุ่งขึ้นแรง 7% สู่ระดับ 0.135 ดอลลาร์ (ประมาณ 195 บาท) ขณะที่ ซีแคช(ZEC) ก็ปรับขึ้น 3.4% ใกล้ระดับ 540 ดอลลาร์ (ประมาณ 782,000 บาท) การปรับตัวขึ้นของเหรียญเหล่านี้นับว่าน่าจับตา เนื่องจากโดยรวมตลาดยังไม่ฟื้นตัว และไม่มีข่าวพื้นฐานหลักที่ชัดเจนรองรับการขึ้นของราคา
มูลค่ารวมของตลาดคริปโตโดยรวมทรงตัวที่ระดับ 3.06 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,420 ล้านล้านบาท) ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในตลาดก็ลดต่ำลงจากช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่นักลงทุนส่วนใหญ่หยุดพัก เทรนด์การซื้อขายจึงชะลอตัวลงชัดเจน
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุหลักของภาวะ ‘ราคาทรงตัว’ มาจากสภาพคล่องที่ต่ำ เพราะเมื่อนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อ-ขาย ทำให้เพียงแรงขายเล็กน้อยก็สามารถกดราคาลงได้แล้ว ในขณะที่ไม่มีแรงหนุนเพียงพอในการดันราคาให้ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
‘ความคิดเห็น’: ช่วงนี้อาจเหมาะกับการรอดูท่าทีมากกว่าลงทุน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตลาดยังขาดแรงผลักดันที่ชัดเจน ทั้งจากด้านข่าวสารและพฤติกรรมนักลงทุน เนื่องจากราคามีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ การรอคอยสัญญาณชัดเจนว่าเหรียญใดกำลังทะลุแนวต้าน หรือมีข่าวพื้นฐานสนับสนุน อาจเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยกว่าในช่วงสิ้นปีนี้
ความคิดเห็น 0