Zcash(ZEC) กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่ที่มีการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปี 2025 โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 800% จากต้นปี แซงหน้าบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) อย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยสำคัญที่หนุนการเติบโตคือความสนใจของนักลงทุนที่หวนกลับมายัง ‘ฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Zcash
ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม Zcash มีราคาประมาณ 60 ดอลลาร์ หรือราว 8.6 หมื่นบาท ขณะที่ปัจจุบันราคาพุ่งขึ้นแตะระดับ 506 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7.3 แสนบาท ตรงกันข้ามกับบิตคอยน์ที่ร่วงลง 6.2% เหลือ 87,637 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.27 ล้านบาท) และอีเธอเรียมที่ลดลง 10% มาอยู่ที่ 2,977 ดอลลาร์ (ราว 4.3 แสนบาท)
ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังราคาที่พุ่งแรงคือความต้องการฟีเจอร์ ‘ความเป็นส่วนตัวบนบล็อกเชน’ ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการควบคุมที่เข้มงวดของแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ สกุลเงินดิจิทัลที่ให้ทางเลือกด้านเทคโนโลยีเพื่อปกปิดข้อมูลการทำธุรกรรมจึงกลายเป็นที่สนใจ เจค เคนีส์แห่งบริษัทวิจัยตลาด Nansen ให้ความเห็นว่า “ปี 2025 คือปีแห่งการหวนคืนของ ‘ความเป็นส่วนตัว’ และ Zcash ก็กลับมาอยู่ในแนวหน้านั้นอีกครั้ง ในฐานะเครื่องมือรักษาข้อมูลที่มีความอ่อนไหว”
Zcash ใช้โครงสร้างที่อิงกับเทคโนโลยี ‘Zero-Knowledge Proof’ ซึ่งสามารถปิดบังทั้งจำนวนเงินและที่อยู่ของผู้รับผู้ส่งได้ ผ่านระบบธุรกรรมที่เรียกว่า ‘Shielded Transactions’ โดยการบูรณาการเข้ากับวอลเล็ตเฉพาะอย่าง Zashi และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโซลานา(SOL) ยังช่วยขยายฐานผู้ใช้งานได้อย่างมีนัยยะ ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวมของ Zcash อยู่ที่ประมาณ 8.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท) โดยมีปริมาณซื้อขายต่อวันทะลุ 800 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.15 แสนล้านบาท)
ฝั่งของเหรียญอื่นๆ ที่เน้น ‘ความเป็นส่วนตัว’ อย่างโมเนโร(XMR) ก็มีแนวโน้มบวกเช่นกัน โดยโมเนโรปรับขึ้นถึง 127% ในปีนี้ สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตมากที่สุด
เทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวยังได้รับแรงหนุนจากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง ‘ไซเบอร์พังค์ เทคโนโลยีส์’ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมว่า ได้เข้าซื้อ Zcash จำนวน 56,418 เหรียญ ด้วยมูลค่ารวม 29 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 419.6 ล้านบาท คิดเป็นราคาซื้อเฉลี่ยราว 514 ดอลลาร์ต่อเหรียญ หรือประมาณ 74.3 หมื่นบาท ปัจจุบันบริษัทถือครอง Zcash รวม 2.9 แสนเหรียญ คิดเป็นประมาณ 1.8% ของเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด
บริษัทไซเบอร์พังค์ระบุว่าการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาว ที่มุ่งหวังจะถือครองถึง 5% ของเครือข่ายโดยรวม วิล แม็กอวอย (Will McAvoy) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทกล่าวว่า “การปรับมูลค่าความเป็นส่วนตัวในตลาดได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังแล้ว” และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนนี้
การพุ่งขึ้นถึง 800% ของ Zcash ในปีนี้จึงไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ราคาสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลง ‘มุมมองของตลาด’ ที่กลับมาให้ความสำคัญกับคุณสมบัติด้าน ‘การกระจายอำนาจ’ และ ‘ความเป็นนิรนาม’ ซึ่งเป็นรากฐานของสินทรัพย์คริปโต ขณะที่มีแนวโน้มว่าเหรียญสายความเป็นส่วนตัวจะขยับจาก ‘ชายขอบ’ สู่พรมแดนหลักในอุตสาหกรรมอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบในระดับโลกอาจกลายเป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของเหรียญกลุ่มนี้ในระยะยาว
‘ความคิดเห็น’: หากภาครัฐยังคงขาดกรอบกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นเพียงพอ เทคโนโลยีแบบ Zcash อาจเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ตลาดเลือกเพื่อโอบรับความเป็นส่วนตัว โดยไม่ละทิ้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของบล็อกเชน
ความคิดเห็น 0