โทเคนของแพลตฟอร์มคริปโตชื่อแพลซมา(Plasma) ที่ใช้ชื่อย่อว่า XPL เรียกความสนใจจากนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง หลังจากราคาพุ่งขึ้นกว่า 15% ภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการประกาศอัปเดตเชิงระบบในระบบนิเวศและการสนับสนุนจากบริษัทลงทุนรายใหญ่ ส่งผลให้แนวโน้มของ XPL ในปี 2026 เริ่มได้รับความคาดหวังมากขึ้น
ณ เวลานี้ ราคาของ XPL ขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 0.11 ดอลลาร์ (ประมาณ 159 บาท) มาอยู่ที่ 0.17 ดอลลาร์ (ประมาณ 246 บาท) คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 60% ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์ โดยทีมพัฒนาแพลซมาออกมาเปิดเผยว่า ราคาที่ดีดตัวขึ้นเกิดจากอัปเดตใหญ่ของระบบนิเวศที่เปิดใช้งานเมื่อเดือนธันวาคม
แพลซมาสร้างแรงหนุนสำคัญจากการเติบโตของ ‘สเตเบิลคอยน์’ และการเปิดตัวบริการชำระเงินผ่านบัตร โดยล่าสุด จำนวนธุรกรรมของเทเธอร์(USDT) บนเครือข่ายแพลซมาทะลุ 40,000 รายการต่อวัน หรือมากขึ้นถึง 8 เท่าหากเทียบกับช่วงก่อนเปิดตัวที่มีเพียง 5,000 รายการต่อวัน ขณะเดียวกัน จำนวนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่รองรับ USDT ของแพลซมาก็เพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง ซึ่งเพียงเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียวก็เพิ่มขึ้นถึง 8 แห่ง ถือเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในระบบนิเวศ
โครงการสเตเบิลคอยน์ที่น่าจับตาอย่าง ‘SyrupUSD’ บนเครือข่ายแพลซมายังมีมูลค่าทรัพย์สินคงเหลือ(TVL) แตะระดับ 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15,917 ล้านบาท) ยิ่งตอกย้ำความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การร่วมมือกับ @maplefinance ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการจัดการสินทรัพย์ระดับพรีเมียม ยังเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการการเงินแบบองค์กรบนบล็อกเชนได้โดยตรง
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่กลายเป็นหัวใจของโปรเจกต์คือ ‘บัตรแพลซมา’ ซึ่งเป็นบัตรกายภาพที่สามารถนำไปใช้จ่ายจริงได้ในชีวิตประจำวัน โดยขณะนี้มีผู้ใช้ภายในประมาณ 30 คนที่ใช้บัตรนี้ในการทำธุรกรรมวันละมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,447,000 บาท) ทีมพัฒนาได้แสดงจุดยืนว่าจะลงทุนพัฒนาให้บัตรใบนี้เป็นบริการหลักในระบบนิเวศของแพลซมาต่อไป
ทางด้านนักลงทุนสถาบัน แบงส์ สเปนเซอร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทลงทุน Framework Ventures กล่าวถึงทิศทางในอนาคตว่า “แพลซมาจะกลายเป็น *Game Changer* ในปี 2026” พร้อมเปิดเผยว่า Framework Ventures ได้เข้าร่วมการลงทุนรอบ Series A พร้อมประเมินมูลค่าโครงการไว้ที่ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,235 ล้านบาท) และให้เงินทุนไปแล้ว 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 289 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันของโปรเจกต์ที่อยู่ราว 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,341 ล้านบาท)
ทีมงานแพลซมายืนยันว่า ขณะนี้บริษัทกำลังปรับโครงสร้างแบบองค์รวมให้โฟกัสที่ XPL และให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างระบบนิเวศที่เสถียรและใช้งานได้จริง ปัจจุบัน ดัชนี RSI ของ XPL อยู่ที่ระดับ 53 ซึ่งยังไม่เข้าสู่โซนร้อนแรงหรือ ‘โอเวอร์บอท’ แสดงว่ายังมีช่องว่างให้ราคาปรับขึ้นได้อีก นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า หากสามารถฝ่าต้านระดับ 0.20 ดอลลาร์ (ประมาณ 289 บาท) ไปได้ อาจเปิดทางไปถึง 0.30 ดอลลาร์ (ประมาณ 434 บาท) อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะย่อลงมาทดสอบระดับ 0.15 ดอลลาร์ (ประมาณ 217 บาท) ในระยะสั้น
ในอีกด้านหนึ่ง ‘บิตคอยน์ ไฮเปอร์(HYPER)’ ก็ถูกจับตามองในฐานะโครงการที่ชูเรื่อง ‘การใช้งานจริง’ โดยเฉพาะด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายที่เป็นข้อจำกัดของเครือข่ายบิตคอยน์แบบปัจจุบัน ไฮเปอร์ได้สร้างเลเยอร์ 2 แบบใหม่บนบิตคอยน์โดยยึดความเร็วระดับโซลานา(SOL) ซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมแบบทันทีผ่าน ‘Hyper Bridge’ และรองรับการใช้งานในหลายรูปแบบทั้งการชำระเงิน, การสเตก, มิมคอยน์, NFT และสภาพคล่องแบบดีไฟ(DeFi)
โครงการ HYPER ได้รับเงินทุนเริ่มต้นแล้วราว 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 434 ล้านบาท) พร้อมทั้งเสนอผลตอบแทนประจำปี(APY) สูงถึง 39% และได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘โครงการโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต’
*ความคิดเห็น*: หากแนวโน้มตลาดคริปโตยังคงมุ่งเน้น ‘การใช้งานจริง’ แทนการเก็งกำไร แพลตฟอร์มที่มีผลิตภัณฑ์ชัดเจนและตอบโจทย์ผู้ใช้ เช่น แพลซมาและไฮเปอร์ อาจกลายเป็น *ตัวเต็ง* ที่จะนำตลาดในรอบขาขึ้นถัดไป
ความคิดเห็น 0