ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวในวันสุดท้ายของปี โดยมูลค่ารวมของตลาดแตะระดับใกล้ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางราคาบิตคอยน์(BTC) ที่ทรงตัวบริเวณ 88,621 ดอลลาร์ ในขณะที่กลุ่มอัล트คอยน์ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ก็อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเช่นกัน โฟกัสล่าสุดคือ *บิตคอยน์ไฮเปอร์(HYPER)* ซึ่งเริ่มได้รับความสนใจในฐานะ ‘อัลท์คอยน์ดาวรุ่ง’ ต้อนรับศักราชใหม่
*บิตคอยน์ไฮเปอร์* พัฒนาอยู่บนโครงสร้าง ‘เลเยอร์ 2’ มีเป้าหมายในการนำบิตคอยน์เข้าสู่โลกของ *สมาร์ตคอนแทรกต์* และ *ดีไฟน์(DeFi)* ช่วยให้การใช้งาน BTC มีความรวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียมยิ่งขึ้น โดยเริ่มเปิดให้ลงทุนในรอบพรีเซลล์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งจนถึงขณะนี้สามารถระดมทุนได้ใกล้ 30 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 434 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือการระดมทุนครั้งนี้ใช้เงินจากนักลงทุนรายบุคคลทั้งหมด โดยไม่มีสถาบันเข้าร่วม เป็น ‘คอมมูนิตี้ไดรฟ์’ เต็มตัว
ในแง่เทคนิค *HYPER* ใช้แนวคิดการ ‘ล็อก BTC’ จากเครือข่ายเลเยอร์ 1 แล้วใช้ในรูปแบบโทเคนบนเลเยอร์ 2 ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วกว่ามาก โดยใช้พลังของ *Solana Virtual Machine (SVM)* เพื่อรองรับสมาร์ตคอนแทรกต์ที่สามารถประมวลผลได้แบบเกือบจะทันที ในเชิงฟังก์ชันจึงตอบโจทย์ทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไปซึ่งต้องการใช้ดีไฟน์, สเตคกิ้ง และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์บนโครงสร้างที่ปลอดภัย
เรื่องผลตอบแทน *ก็เป็นอีกจุดที่โดดเด่น* สำหรับผู้ที่นำโทเคนไป *สเตค* ผ่านระบบของ HYPER จะได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึง *39% ต่อปี* โดยในปัจจุบันมีโทเคนมากกว่า 1.35 พันล้านเหรียญที่ถูกนำไปสเตคแล้ว ข้อมูลระบุว่าราคาพรีเซลล์ล่าสุดอยู่ที่ราว 0.0135 ดอลลาร์ หรือประมาณ 19 บาท โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนกว่าจะสิ้นสุดรอบนี้ จุดแข็งอีกประการคือโทเคนจะยังไม่ถูกนำออกมาเทรดจนกว่าจะถึง *Token Generation Event (TGE)* ในปี 2026 ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าความเสี่ยงจากการถูกเทขายหลังเปิดตัวจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
หลายฝ่ายให้ความเห็นว่า หากภาวะตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นในปี 2026 *บิตคอยน์ไฮเปอร์* อาจสร้างผลตอบแทนที่ *เติบโตได้ถึง 100 เท่า* เพราะโครงสร้างที่ชัดเจน แนวคิดไม่เน้นการเก็งกำไร และมีเป้าหมายรองรับการขยายตัวของ BTC สู่ระบบ DApps ซึ่งยังคงเติบโต นักลงทุนที่กำลังเล็งหาทางกระจายพอร์ตในกลุ่มอัลท์คอยน์ช่วงต้นปี อาจต้องจับตาโปรเจกต์นี้ไว้ให้ดี
*ความคิดเห็น*: HYPER อาจเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ที่มองหาโครงการใหม่ที่ผสมผสานระบบโครงสร้าง, ความเร็ว, สมาร์ตคอนแทรกต์ และสเตคกิ้งไว้ในตัวเดียว และแม้ยังไม่มีความชัดเจนถึงวันเทรดที่แน่นอนหลัง TGE แต่การได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนรายย่อยถือว่าน่าจับตาไม่น้อยในปีแห่งการฟื้นตัวอย่างปี 2026
ความคิดเห็น 0