เซนเทียนต์(Sentient) ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว NFT ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ตามรายงานของ Cointelegraph เซนเทียนต์(Sentient) ได้ดำเนินการเปิดตัว NFT กว่า 650,000 รายการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระจายความเป็นเจ้าของโมเดล AI ‘ด็อบบี้(Dobby)’ ให้แก่ชุมชน ในแคมเปญนี้ ผู้เข้าร่วมต้องผ่านการทดสอบ IQ แบบสุ่มเพื่อสร้าง ‘ฟิงเกอร์พรินต์(Fingerprints)’ NFT ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การควบคุมและความเป็นเจ้าของ AI เป็นของชุมชนโดยตรง
ซันดีป เนลวาล(Sandeep Nailwal) ผู้ร่วมก่อตั้งพอลิกอน(Polygon) และผู้มีส่วนร่วมหลักของเซนเทียนต์กล่าวว่า “เฉพาะเมื่อโมเดล AI แรกเริ่มถูกควบคุมและเป็นเจ้าของโดยชุมชนเท่านั้น เราจึงจะสามารถรับประกัน ‘ความภักดี’ ที่แท้จริงได้” เขายังเสริมว่าระบบกระจายอำนาจนี้จะช่วยให้ทิศทางและอำนาจการควบคุม AI ไม่ตกอยู่ในมือขององค์กรขนาดใหญ่ แต่เป็นของชุมชนแทน
การเปิดตัว NFT ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัว ‘ดีพซีค(DeepSeek)’ แชทบอท AI บนบล็อกเชน ซึ่งได้รับงบประมาณการพัฒนา 5.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 812 ล้านบาท) นับเป็นมูลค่าที่น้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแชทจีพีที(ChatGPT) ของ OpenAI ที่สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,450 ล้านบาท)
ฮิมันชู ติยากี(Himanshu Tyagi) ผู้ร่วมก่อตั้งเซนเทียนต์กล่าวว่า “ต่างจากโมเดล AI แบบรวมศูนย์ ด็อบบี้ถูกพัฒนาเป็นโอเพ่นซอร์สอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดทิศทาง AI ได้ด้วยตนเอง” พร้อมเน้นย้ำว่า “การมอบความเป็นเจ้าของ การจัดแนว(AI alignment) และอำนาจควบคุมแก่ชุมชนถือเป็นภารกิจหลักของอุตสาหกรรม AI”
วงการคริปโตมองว่าการเปิดตัว NFT ในครั้งนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการผสานเทคโนโลยี AI และบล็อกเชน โดยเฉพาะท่ามกลางกระแสความสนใจต่อโครงการ ‘ดีไฟเอไอ(DeFAI)’ ที่ผสมผสาน AI และการเงินกระจายอำนาจ(DeFi) ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวคิด AI แบบกระจายอำนาจจะยังคงเป็นประเด็นร้อนในอนาคต
ความคิดเห็น 0