การประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาว ได้รับปฏิกิริยาที่หลากหลายจากนักลงทุน
การประชุมสุดยอดด้านคริปโตเคอร์เรนซีที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวได้รับการตอบรับที่แตกต่างกันจากนักลงทุน นับตั้งแต่สถาบันการเงินที่มองในแง่บวก ไปจนถึงนักลงทุนรายย่อยและกลุ่มผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) ที่แสดงความผิดหวัง
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ไมลส์ ดอยช์เนอร์ มองว่าการประชุมครั้งนี้เป็น 'ผลเชิงบวกสุทธิ' ต่อบิตคอยน์ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหารือ ขณะที่ ไคล์ ซามานี หุ้นส่วนผู้จัดการของ มัลติคอยน์ แคปิตอล แสดงความคิดเห็นว่า "นี่เป็นช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมคริปโต" อย่างไรก็ตาม นิค พัคลิน ซีอีโอของ Coin Bureau มีมุมมองที่แตกต่าง โดยกล่าวว่า "ดูจากกราฟแล้ว ไม่มีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญในการประชุมครั้งนี้"
กลุ่มผู้สนับสนุนบิตคอยน์โดยเฉพาะ เช่น จัสติน เบ็กลอร์ วิจารณ์อย่างหนักว่า "การประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาว เป็นเพียงงานที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ที่สนับสนุนนโยบายการควบคุมของรัฐบาล"
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การนำของทรัมป์ ซึ่งแตกต่างไปจากแนวทางของรัฐบาลชุดก่อน อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ออกคำสั่งบริหารให้สหรัฐฯ ดำเนินนโยบาย ‘สำรอง’ บิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม จุดที่เป็นประเด็นถกเถียงคือรัฐบาลจะสะสมบิตคอยน์โดยไม่ใช้เงินภาษี แต่จะได้มาผ่านวิธีที่เป็นกลางทางงบประมาณ เช่น การยึดทรัพย์สิน ซึ่งได้จุดประกายข้อกังขาจากนักลงทุน
ตลาดตอบสนองทันทีหลังการประชุม ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 7.3% ในปรากฏการณ์ ‘ซื้อข่าวลือ ขายข่าวจริง’ นอกจากนี้ ตลาด ETF บิตคอยน์ ยังเผชิญกับกระแสเงินไหลออกถึง 370 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.4 พันล้านบาท) สะท้อนความผิดหวังของนักลงทุน
ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าบิตคอยน์อาจร่วงลงไปแตะระดับ 70,000 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวแตะ 100,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางนโยบายของรัฐบาลและความเคลื่อนไหวของราคา ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า บิตคอยน์อาจถึงจุดสูงสุดของรอบขาขึ้นครั้งนี้แล้วหรือไม่
ความคิดเห็น 0