บิตคอยน์(BTC) เผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยร่วงลงจาก 14 ล้านเยนไปแตะระดับ 12.6 ล้านเยน สาเหตุหลักมาจากแรงเทขายจากนักลงทุนที่ผิดหวังกับการประกาศจัดตั้ง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์’ (SBR) ของประธานาธิบดีทรัมป์
เมื่อวันที่ 7 ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อก่อตั้ง SBR แต่เนื้อหาของคำสั่งดังกล่าวกลับระบุเพียงว่ารัฐบาลจะเก็บบิตคอยน์ที่ถือครองอยู่ประมาณ 200,000 BTC โดยไม่มีแผนซื้อเพิ่ม ส่งผลให้ตลาดผิดหวังและนำไปสู่แรงขายจำนวนมาก ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนก็ยิ่งเพิ่มความวิตกให้กับตลาด เขาได้เปิดเผยแผนการเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าจากจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง และบิตคอยน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 บิตคอยน์เริ่มฟื้นตัวหลังจากทรัมป์ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีสำหรับประเทศที่อยู่ในข้อตกลง USMCA ออกไปอีกหนึ่งเดือน ซึ่งช่วยให้ตลาดกลับมาคลายความวิตกได้บางส่วน ขณะเดียวกัน สมาชิกคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ออกมาย้ำถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
ตลาดบิตคอยน์ในสัปดาห์นี้ได้รับแรงกระเพื่อมจากนโยบายของทรัมป์เป็นหลัก นักวิเคราะห์มองว่า แทนที่จะเกิดแรงขายเพิ่มเติม อาจเป็นไปได้ว่าสถาบันการเงินจะมองการจัดตั้ง SBR ในแง่บวก และเลือกถือบิตคอยน์ในระยะยาวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 12 อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของบิตคอยน์ในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0