มีข่าวลือว่า มูลนิธิอีเธอเรียม(Ethereum Foundation) ได้ฝากเงินจำนวน 56 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,030 ล้านบาท) ในโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ที่ชื่อว่า ‘Sky’ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้วว่า ‘ไม่เป็นความจริง’
เมื่อวันที่ 10 กระเป๋าเงินหนึ่งได้ฝากอีเธอเรียม(ETH) จำนวน 30,098 เหรียญ (ราว 56 ล้านดอลลาร์) ไปยัง Sky ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็นเงินจากมูลนิธิอีเธอเรียม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน ‘อาร์คัม(Arkham)’ ระบุว่ากระเป๋าดังกล่าวมีแท็กว่า ‘Ethereum Foundation?’ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ข่าวลือแพร่กระจายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้ออกมาปฏิเสธ พร้อมยืนยันว่าที่อยู่นี้ ‘ไม่ใช่ของมูลนิธิอีเธอเรียม’
เอริก คอนเนอร์(Eric Conner) ผู้ร่วมเขียน Ethereum Improvement Proposal (EIP) 1559 กล่าวว่าข่าวนี้เป็นเพียง ‘ข่าวปลอม’ ในขณะที่ แอนโทนี ซาซาโน(Anthony Sassano) พิธีกรรายการ ‘The Daily Gwei’ ก็ยืนยันว่ากระเป๋าเงินนี้ ‘ไม่มีความเกี่ยวข้อง’ กับมูลนิธิอีเธอเรียม
หลังการตรวจสอบเชิงลึก พบว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของนักลงทุนยุคแรกๆ ในอีเธอเรียม โดยในเดือนพฤษภาคม 2022 กระเป๋านี้เคยได้รับโทเค็นได(DAI) มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์จากการขาย ETH ที่ดำเนินการโดยมูลนิธิอีเธอเรียม นอกจากนี้ เงินทุนเริ่มต้นในกระเป๋ายังมีการโอนมาจาก ‘jonny.eth’ อีกด้วย ข้อมูลชี้ว่า นักลงทุนรายนี้ฝาก ETH ใน Sky เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับขาย (liquidation) ท่ามกลางการปรับฐานของราคา
เมื่อวันที่ 10 ราคาของ ETH ร่วงลงจาก 2,138 ดอลลาร์ไปแตะระดับ 1,813 ดอลลาร์ ลดลงประมาณ 15% ในวันเดียว หลังการฝากเงินลงใน Sky ระดับราคาที่จะถูกบังคับขายของกระเป๋าดังกล่าวได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,127.14 ดอลลาร์ ทำให้ความเสี่ยงในการถูก liquidate ลดลง
ในอดีต มูลนิธิอีเธอเรียมเคยใช้ DeFi เพื่อกระจายการลงทุนมาแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามูลนิธิได้จัดสรร ETH มูลค่า 120 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,350 ล้านบาท) ไปยังโปรโตคอล DeFi อย่าง อาเว(Aave), สปาร์ค(Spark) และคอมพาวด์(Compound) โดยในขณะนั้น ชุมชนคริปโตเสนอว่าการใช้ DeFi เพื่อจัดหาสภาพคล่องเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการขาย ETH ตรงๆ ซึ่งนำไปสู่กลยุทธ์ใหม่นี้ของมูลนิธิ
ชุมชนต่างให้การตอบรับเชิงบวก สตานี คูเลชอฟ(Stani Kulechov) ผู้ก่อตั้ง Aave กล่าวว่าตลาด DeFi กำลังเข้าสู่ ‘ช่วงเวลาสำคัญ’ ขณะที่มูลนิธิอีเธอเรียมเองก็เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทางเลือกเพิ่มเติมในอนาคต
ความคิดเห็น 0