รัฐเนแบรสกากำหนดกฎระเบียบใหม่เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับตู้เอทีเอ็มคริปโต
จิม พิลเลน(Jim Pillen) ผู้ว่าการรัฐเนแบรสกา ได้ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันที่ 12 ซึ่งมีเป้าหมายปกป้องผู้ใช้ตู้เอทีเอ็มและคีออสก์คริปโต พร้อมทั้งกล่าวว่า “คริปโตเคอเรนซีเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต และรัฐเนแบรสกาต้องการเป็นผู้นำในด้านนี้” นอกจากนี้เขายังเน้นว่า "จำเป็นต้องสร้างมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้อาชญากรฉวยโอกาสจากประชาชนในรัฐ"
กฎหมาย ‘การป้องกันการฉ้อโกงโดยใช้บันทึกอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถควบคุมได้ (Controllable Electronic Record Fraud Prevention Act)’ ฉบับใหม่นี้ กำหนดให้ผู้ดำเนินการตู้เอทีเอ็มคริปโตต้องได้รับใบอนุญาตตาม ‘กฎหมายผู้ให้บริการโอนเงินแห่งรัฐเนแบรสกา (Nebraska Money Transmitters Act)’ และต้องลงทะเบียนและได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านการเงินของรัฐ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ
กฎหมายยังระบุว่า สำหรับผู้ใช้รายใหม่ การทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มคริปโตถูกจำกัดไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 290,000 บาท) ขณะที่ผู้ใช้เดิมสามารถทำธุรกรรมได้สูงสุด 5,000 ดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 730,000 บาท) นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมไม่สามารถเกิน 18% และมีข้อบังคับให้คืนเงินเต็มจำนวน รวมถึงค่าธรรมเนียม หากผู้ใช้รายใหม่รายงานการฉ้อโกงภายใน 90 วัน ส่วนผู้ใช้เดิมยังสามารถขอคืนเฉพาะค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บจากการฉ้อโกง
คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) รายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ความเสียหายจากการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับตู้เอทีเอ็มคริปโตมีมูลค่ารวมกว่า 65 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,375 ล้านบาท) โดยระบุว่า "ความเสียหายจากการฉ้อโกงผ่านตู้เอทีเอ็มบิตคอยน์(BTC) เพิ่มขึ้น 10 เท่าในปี 2023 เทียบกับปี 2020"
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการควบคุมตู้เอทีเอ็มคริปโตที่ขยายตัวทั่วสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ รัฐอิลลินอยส์ได้ออกกฎหมายที่คล้ายกัน ส่งผลให้มีการปิดตู้เอทีเอ็มคริปโตมากกว่า 1,200 เครื่อง
เคลลี แลมเมอร์ส(Kelly Lammers) ผู้อำนวยการหน่วยงานธนาคารของรัฐเนแบรสกา กล่าวเสริมว่า “เนแบรสกาต้อนรับอุตสาหกรรมคริปโต แต่จะเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดต่อผู้ที่พยายามใช้ประโยชน์โดยมิชอบ”
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐเนแบรสกาจะออกกฎระเบียบเกี่ยวกับตู้เอทีเอ็มคริปโต แต่ยังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการสำรองสินทรัพย์คริปโตที่กำลังดำเนินการใน 21 รัฐ ทำให้ต้องจับตาดูทิศทางนโยบายในอนาคต
ความคิดเห็น 0