ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศชัด ไม่พิจารณารวมบิตคอยน์(BTC)ไว้ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากกังวลเรื่อง ‘ความผันผวนสูง’ และ ‘ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของไอเอ็มเอฟ’
เมื่อวันที่ 16 ตามรายงานของสื่อด้านเศรษฐกิจและการเงินของเกาหลีใต้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่ามีจุดยืนชัดเจนในการ ‘ไม่พิจารณา’ รวมบิตคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ พร้อมย้ำว่า ไม่มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่า บิตคอยน์มี ‘ความผันผวนของราคา’ สูง และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทุนสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)
ประกาศนี้เป็นคำตอบอย่างเป็นทางการต่อข้อซักถามที่ส่งถึงธนาคาร ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความสนใจเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์ในระดับธนาคารกลางของบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณารวมบิตคอยน์เป็น ‘สินทรัพย์สำรอง’ ซึ่งทำให้ประเด็นนี้เป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น
เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางเกาหลีใต้กล่าวว่า “บิตคอยน์มีความผันผวนของราคาสูงเกินไป ทำให้ไม่สามารถรับประกันเสถียรภาพในฐานะสินทรัพย์ทุนสำรองได้” นอกจากนี้ยังชี้ว่า บิตคอยน์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของ IMF ที่ให้ความสำคัญกับ ‘สภาพคล่อง, ความน่าเชื่อถือ และการยอมรับในตลาด’
จุดยืนของประเทศอื่น ๆ ในประเด็นนี้ก็แตกต่างกันไปเช่นกัน เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นตอบคำถามของสมาชิกสภานิติบัญญัติเกี่ยวกับการริเริ่มของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ‘ความผันผวนของคริปโต’ ทำให้ธนาคารกลางไม่มีแผนที่จะถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(ECB) ก็มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการรวมบิตคอยน์ไว้ในทุนสำรอง และไม่มีแผนที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ฝั่งสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ กลับมีแนวโน้มสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตมากกว่า มีรายงานว่า รัฐบาลกำลังพิจารณากลยุทธ์การนำบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็น ‘ทรัพยากรทางยุทธศาสตร์’ นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกสภาคองเกรสบางรายที่เตรียมเสนอร่างกฎหมายให้บิตคอยน์มีสถานะเป็น ‘สินทรัพย์ที่สามารถใช้ในการสำรอง’ ของรัฐบาลกลาง
แม้ว่าปัจจุบันประเด็นการถือครองบิตคอยน์ในระดับธนาคารกลางยังคงเป็นที่ถกเถียง แต่แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลก อาจทำให้การอภิปรายเรื่องนี้เดินหน้าต่อไปในอนาคต
ความคิดเห็น 0