แนวคิดเรื่อง ‘การแปลงสินทรัพย์จริงเป็นโทเค็น(Tokenized Real-World Assets - RWA)’ กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการดำรงอยู่ของระบบการเงินในอนาคต
ปัจจุบัน ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งปัญหาสภาพคล่องและโครงสร้างตลาดที่ไม่โปร่งใสยังคงเป็นข้อกังวลหลัก ในสถานการณ์เช่นนี้ RWA กำลังได้รับความสนใจในฐานะ 'ทางรอด' สำหรับการเงินแบบดั้งเดิม ด้วยศักยภาพในการให้ผลตอบแทนอย่างคาดการณ์ได้
นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่สงครามการค้าทั่วโลก ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาทางเลือกที่มีเสถียรภาพและคาดการณ์ผลตอบแทนได้ดีขึ้น ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ตลาดไพรเวทอิควิตี้ทั่วโลกลดลงถึง 24% ในปี 2024 ขณะที่มูลค่าการออกหุ้นของสหรัฐฯ ก็หดตัวลงโดยเฉลี่ย 0.6% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
การแปลง RWA เป็นโทเค็นสามารถเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้ ระบบการเงินแบบเก่ามีขั้นตอนที่ล่าช้าและค่าธรรมเนียมสูง ทำให้การเข้าถึงตลาดเป็นไปอย่างจำกัด แต่โทเค็นบนบล็อกเชนสามารถลดต้นทุนและทำให้กระบวนการทำธุรกรรมมีความรวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของ RWA ที่อยู่บนบล็อกเชนเพิ่มขึ้นถึง 85% ในปี 2024 ทะลุ 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.4 แสนล้านบาท) และล่าสุดมีมูลค่าสูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.1 แสนล้านบาท)
บริษัทการเงินระดับโลกก็เริ่มตื่นตัวและให้ความสำคัญกับตลาด RWA มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เจพีมอร์แกน, แบล็คร็อก, ยูบีเอส, ซิตี้กรุ๊ป และโกลด์แมนแซคส์ ต่างเร่งผลักดันเงินทุนเข้าสู่ตลาดไพรเวทเครดิตแบบออนเชน โดยเฉพาะกองทุน ‘BUIDL’ ของแบล็คร็อก และ ‘FOBXX’ ของแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ซึ่งกำลังพลิกโฉมกองทุนตลาดเงิน ทั้งนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลมองว่า RWA คือ "การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตลาดการเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความโปร่งใส"
แนวโน้มในระยะยาวของตลาด RWA ไม่ได้จำกัดเฉพาะนักลงทุนสถาบันเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงนักลงทุนรายย่อยด้วย โดยโมเดล ‘การถือครองร่วมแบบแบ่งส่วน(Fractional Ownership)’ กำลังได้รับความนิยม ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่เคยเป็นไปได้ยากในระบบการเงินแบบเดิม
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาด RWA อาจเติบโตจาก 50,000 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) ซึ่งหากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเมินเฉยต่อโอกาสนี้ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกผลักออกจากกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเงินครั้งสำคัญ
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การปรับตัวและการยอมรับ RWA เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคตของตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินครั้งใหญ่
ความคิดเห็น 0