เกร็ก ซิโปลลาโร หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ NYDIG วิเคราะห์ว่า การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและการโทเค็นทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจส่งผลดีต่อตลาดคริปโต รวมถึงบิตคอยน์(BTC)
ซิโปลลาโรระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาปรับมูลค่าของ ‘ทองคำ’ ที่ถือครองเป็นทุนสำรอง พร้อมสำรวจแนวทางการนำระบบตรวจสอบที่โปร่งใสบนบล็อกเชนมาใช้ ซึ่งแนวโน้มนี้ทำให้แนวคิดเรื่อง ‘การโทเค็นทรัพย์สินในโลกจริง’ (RWA) ได้รับความสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน เช่น แบล็คร็อค และฟิเดลิตี ก็กำลังทดลองแปลงสินทรัพย์ทางการเงิน อาทิ พันธบัตรรัฐบาล และกองทุนตลาดเงิน(MMF) ให้เป็นโทเค็นบนบล็อกเชน
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในด้านนี้ยังสอดคล้องกับข้อเสนอของนักการเมืองบางกลุ่มในสหรัฐฯ ที่เสนอให้นำบิตคอยน์มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ว. ซินเทีย ลูมิส ซึ่งชี้ว่าบิตคอยน์มีความโปร่งใสโดยธรรมชาติผ่านบล็อกเชน จึงไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบทางกายภาพเพิ่มเติม ทำให้สามารถใช้บิตคอยน์เป็นทุนสำรองของรัฐได้
ขณะเดียวกัน อีลอน มัสก์ และผู้สนับสนุนบล็อกเชนบางส่วน ได้เสนอให้รัฐบาลกลางนำข้อมูลการใช้จ่ายของประเทศมาบันทึกบนบล็อกเชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใส มัสก์ ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอของเทสลา(TSLA) และสเปซเอ็กซ์ ยังคงเน้นย้ำว่าการบริหารด้านการเงินของรัฐบาลควรมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
NYDIG สรุปว่าถึงแม้การโทเค็น RWA อาจไม่มีผลโดยตรงต่อบิตคอยน์ แต่ก็สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม ซึ่งหากบล็อกเชนได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจจริง บิตคอยน์และคริปโตหลักอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากกระแสนี้เช่นกัน
ความคิดเห็น 0