ตามข้อมูลล่าสุดจากแซกซ์เอ็กซ์บีที(ZachXBT) นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของคริปโต พบว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้งาน *คอยน์เบส(COIN)* สูญเสียเงินไปกว่า *46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *672 พันล้านวอน* จากการถูกหลอกลวงรูปแบบ *ฟิชชิง* ซึ่งบางกรณีสร้างความเสียหายสูงถึง *บิตคอยน์(BTC) 400 เหรียญ* ในกระเป๋าเงินเดียว สร้างความกังวลให้กับวงการคริปโตเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งานอีกครั้ง
กลโกงในครั้งนี้อาศัยเทคนิค ‘*ที่อยู่ปลอม*’ และ ‘*การปลอมกระเป๋าเงิน*’ ซึ่งผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าให้ดูคล้ายของจริง ทำให้ผู้ใช้งานโอนสินทรัพย์ไปยังที่อยู่ของมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว โดยบันทึกการโกงทั้งหมดปรากฏให้เห็นบนบล็อกเชน ซึ่งเหยื่อรายแรกถูกตรวจพบเมื่อวันที่ 28 ของเดือนที่ผ่านมา โดยเหยื่อรายดังกล่าวสูญเสีย *บิตคอยน์ 400.099 เหรียญ* คิดเป็นมูลค่าราว *34.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *509 พันล้านวอน* และกรณีลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ยอดรวมความเสียหายพุ่งทวีคูณ
ทางด้านคอยน์เบสออกแถลงการณ์ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดย*แจ็คคลิน เซลส์* หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทกล่าวว่า “คอยน์เบสไม่เคยร้องขอข้อมูลเข้าสู่ระบบ รหัสยืนยันแบบสองขั้นตอน หรือคีย์ API ผ่านทางโทรศัพท์หรือข้อความ หากได้รับคำขอลักษณะนี้สามารถมั่นใจได้เลยว่าเป็นการหลอกลวง และควรหยุดการติดต่อทันที”
ก่อนหน้านี้ แซกซ์เอ็กซ์บีทีเคยเตือนเมื่อช่วงต้นปีว่า ระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้วจนถึงเดือนมกราคม มีรายงานเหตุการณ์ที่เขาเรียกว่า '*การหลอกลวงที่ดูน่าเชื่อถือสูง*' คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง *65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *950 พันล้านวอน* และเขายังระบุว่า ตัวเลขที่เผยแพร่นั้นได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนและข้อความที่ได้รับเท่านั้น ซึ่งแปลว่า *ความเสียหายจริงอาจมากกว่าที่รายงาน* หลายเท่า
เพื่อป้องกันความเสี่ยง คอยน์เบสได้แนะนำผู้ใช้งานผ่านบล็อกของบริษัทให้มีการเปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอน ใช้อีเมลแยกเฉพาะสำหรับบัญชีคริปโตตั้งค่ารายการอนุญาตที่อยู่โอน และใช้ฟังก์ชัน ‘*คอยน์เบส โวลต์(Coinbase Vault)*’ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณี ‘*การโจมตีด้วยที่อยู่ปลอม*’ เพียงเดือนเดียวก็สร้างความเสียหารวมถึง *1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *1,750 ล้านวอน*
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือการที่กลุ่มฟิชชิงแอบอ้างชื่อแบรนด์ชั้นนำเพื่อให้ผู้ใช้งานหลงเชื่อ โดยข้อมูลระบุว่า *คอยน์เบสเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกแอบอ้างมากที่สุดในวงการคริปโต* ขณะที่ *เมตา(Meta)* ถูกนำชื่อไปใช้ในการหลอกลวงมากกว่าถึง *25 เท่า* ลักษณะดังกล่าวมักเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิค *วิศวกรรมสังคม* ที่อาศัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ใหญ่ระดับโลกในการลวงผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าในปีนี้เพียงปีเดียว มีกรณีฟิชชิงชนิด ‘*พิกร่างอ้วน (Pig Butchering)*’ ซึ่งเป็นการหลอกลวงในรูปแบบซับซ้อนมากกว่า *200,000 กรณี* และทำให้เกิดความเสียหายรวมกว่า *5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือคิดเป็นเงินไทยราว *8.3 แสนล้านบาท* ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกลโกงเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำว่า ผู้ใช้งานควรระมัดระวังให้มากขึ้น พร้อมกับที่ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมี *มาตรการป้องกันที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น* เพื่อคุ้มครองสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0