คาร์ดาโน(ADA) เผชิญกับ ‘แรงขายขนาดใหญ่’ จากกลุ่มวาฬตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ราคายังแกว่งตัวผันผวนและยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า นักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ได้ขาย ADA ไปแล้วราว 200 ล้านเหรียญ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,986 ล้านบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ ราคาของคาร์ดาโนเคยพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1.10 ดอลลาร์ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกลยุทธ์ด้านเงินทุนสำรองในสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐ และมีการเอ่ยชื่อ ADA อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คำสั่งบริหารถูกลงนามอย่างเป็นทางการโดยทรัมป์ กลับมีเพียงบิตคอยน์(BTC) ที่ถูกรวมอยู่ในแผน ส่งผลให้ราคาของ ADA ดิ่งลงต่ำกว่า 0.70 ดอลลาร์ และทรงตัวอยู่ราว 0.68 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา
อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ธุรกิจบล็อกเชน Santiment พบว่า กลุ่มกระเป๋าที่ถือครอง ADA ระหว่าง 1 ล้านถึง 10 ล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 16% ของจำนวนเหรียญทั้งหมดในระบบ โดยอยู่ที่ราว 5.8 พันล้าน ADA นักวิเคราะห์ อาลี มาร์ติเนซ มองว่า การเทขายของกลุ่มวาฬเหล่านี้เริ่มส่งผลกระทบต่อทั้งอุปทานในตลาดและสภาพคล่อง เขาเตือนว่า “แรงขายจำนวนมากแบบนี้จะเพิ่มอุปทานในตลาดเสรีและอาจสร้างแรงกดดันด้านจิตวิทยาให้นักลงทุนรายย่อยเทขายตามในที่สุด”
แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะดูเป็นสัญญาณลบสำหรับ ADA แต่ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ราคายังปรับตัวขึ้นมาได้ราว 2% ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายอาจถูกดูดซับไปบางส่วนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า หาก ADA สามารถปิดราคารายวันเหนือระดับ 1.15 ดอลลาร์ได้สำเร็จ จะถือเป็นการยืนยันรูปแบบ ‘ลิ่มลงด้านขวา’ ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้น และอาจเปิดทางให้ราคาทะยานสู่ระดับ 2 ดอลลาร์ในระยะกลาง
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่กำลังได้รับความสนใจคือ ความคืบหน้าในการขออนุมัติ ‘กองทุน ETF แบบสปอต’ ของ ADA โดยบริษัทจัดการทรัพย์สินดิจิทัลอย่าง Grayscale ได้ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง SEC ก็ได้ตอบรับคำร้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว หากได้รับการอนุมัติ นักลงทุนจะสามารถเข้าลงทุนในสินทรัพย์ ADA ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตโดยตรง ถือเป็นการเปิดทางให้กับเงินทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหม่ที่จะหลั่งไหลเข้ามาในระบบ
ในขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มทำนายเหตุการณ์อย่าง Polymarket คาดว่า มีโอกาสราว *57%* ที่กองทุน ADA ETF นี้จะได้รับการอนุมัติภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งหากกลายเป็นจริง ก็อาจกลายเป็นแรงผลักดันใหม่ที่ส่งคาร์ดาโนเข้าสู่ช่วงขาขึ้นและลดความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในตลาดคริปโตได้อย่างมีนัยสำคัญ *ความคิดเห็น*: ตราบใดที่เม็ดเงินสถาบันยังไม่ไหลกลับมาอย่างต่อเนื่อง ADA อาจยังต้องเผชิญแรงต้านอีกระยะ แต่กรอบราคานี้ก็อาจเป็นโอกาสสำหรับคนที่เชื่อในศักยภาพของเครือข่ายคาร์ดาโนในระยะยาว
ความคิดเห็น 0