ผู้ถือหนี้ของ FTX ราว 392,000 ราย กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินชดเชยจากการล้มละลายของบริษัท มูลค่ารวมกว่า *2.5 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 96,500 ล้านบาท) เนื่องจากยังไม่ดำเนินการตามขั้นตอน *ยืนยันตัวตน (KYC)* ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่จำเป็นในการขอรับเงินคืน
จากเอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายแห่งเดลาแวร์ เมื่อวันที่ 2 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่า FTX กำหนดให้ผู้ถือหนี้ต้องทำ KYC ให้แล้วเสร็จก่อนจะเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้ โดยในตอนแรกได้กำหนดเส้นตายไว้ที่ *3 มีนาคม 2025 เวลา 16:00 น.* (ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ) แต่ล่าสุดได้ประกาศขยายเวลาเป็น *1 มิถุนายน* แทน
ข้อมูลจากเอกสารของศาลยังระบุเพิ่มเติมว่า หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่ได้เริ่มการยืนยันตัวตน สิทธิการเรียกร้องหนี้จะถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง ปัจจุบัน มูลค่าหนี้ที่ยังค้างอยู่แบ่งออกเป็นหนี้ไม่เกิน *50,000 ดอลลาร์* ซึ่งมีอยู่ประมาณ *655 ล้านดอลลาร์* (ราว 25,550 ล้านบาท) และหนี้เกิน *50,000 ดอลลาร์* รวมกันที่ *1.9 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 72,470 ล้านบาท) ซึ่งหมายความว่าผู้ถือหนี้จำนวนมากอาจสูญเสียโอกาสในการได้รับเงินคืน
ตามแผนฟื้นฟูของ FTX การชำระหนี้รอบถัดไปมีกำหนดใน *30 พฤษภาคม 2025* ซึ่งในรอบนี้จะมีการชำระเงินให้กับผู้ถือหนี้กลุ่มที่มีการเรียกร้องเกิน *50,000 ดอลลาร์* กว่า *11 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 416,000 ล้านบาท) โดยคาดว่ากว่า *98%* ของผู้ถือหนี้ทั้งหมด จะได้รับเงินคืน *อย่างน้อย 118% ของเงินต้น* ทั้งหมดในรูปแบบเงินสด
ในส่วนของผู้ใช้งานที่ยังไม่สามารถทำ KYC ได้ทัน ปัจจุบันยังมีโอกาสส่งเอกสารใหม่ได้อีกครั้ง โดย *ซุนิล (Sunil)* สมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ถือหนี้ของ FTX ได้แจ้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า หากเกิดความล้มเหลวในการดำเนินการ KYC ครั้งก่อนจากปัญหาทางเทคนิค สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าและอัปโหลดเอกสารใหม่ผ่านอีเมลได้
ก่อนหน้านี้ FTX สาขาบาฮามาสภายใต้ชื่อ ‘*FTX ดิจิทัลมาร์เก็ต*’ ได้ชำระหนี้รอบแรกไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยจ่ายเงินรวม *1.2 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 45,120 ล้านบาท) การเริ่มต้นจ่ายหนี้ในครั้งนี้สะท้อนถึงความหวังในการฟื้นตัวของตลาดคริปโต หลังจากเหตุตื่นตระหนกที่ทำให้บริษัทในเครือกว่า 130 แห่งต้องล้มละลายตามมา
ด้าน *แอลวิน คาน* (Alvin Kan) ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ *Bitget Wallet* แสดงความคิดเห็นว่า “การคืนเงินของ FTX ในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ตัวกระตุ้นราคาของตลาดในระยะสั้น แต่มีความเป็นไปได้ที่เงินบางส่วนจะกลับเข้าสู่ตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ *อุตสาหกรรมก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น*”
ความคิดเห็น 0