ตลาดการเงินโลกผันผวนหนักหลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 10% ทั่วโลก ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงในระดับที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 จุดชนวนความกังวลต่อ ‘ภาวะถดถอย’ ที่อาจกระจายไปทั่วโลก ขณะเดียวกัน ‘บิตคอยน์(BTC)’ กลับแสดงให้เห็นถึงความนิ่งท่ามกลางความสั่นสะเทือน ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในพฤติกรรมของนักลงทุน
เมื่อวันที่ 2 ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศมาตรการจัดเก็บ ‘ภาษีตอบโต้’ โดยเรียกวันนี้ว่า ‘วันปลดปล่อย’ พร้อมดำเนินนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% ต่อสินค้าทุกประเภทจากทุกประเทศ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย เช่น จีน 34%, เวียดนาม 46%, ญี่ปุ่น 24% และสหภาพยุโรป 20% ทรัมป์ย้ำว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็น ‘ความจำเป็น’ เพื่อลดขาดดุลการค้าและรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
จีนไม่อยู่เฉย โดยทันทีได้ออกมาตรการภาษีตอบโต้ 34% ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งจำกัดการส่งออกโลหะหายากและผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี รวมถึงเตรียมลงโทษบริษัทอเมริกันที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลจีนระบุชัดว่านี่คือ “การละเมิดต่อระเบียบระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” สหภาพยุโรปแม้จะแสดงความกังวลในทำนองเดียวกัน แต่ยังเลือกใช้แนวทางเจรจาแทนการตอบโต้โดยตรง โดยมารอช เซฟโควิช กรรมาธิการด้านการค้าของ EU กล่าวว่า EU พร้อมเจรจาแต่ก็จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน
ตลาดหุ้นตอบสนองในเชิงลบอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดกว่า $5 ล้านล้าน (ประมาณ 7,300 ล้านล้านวอน) หายไปจากระบบ ดัชนี S&P 500 ร่วงเกิน 6% ภายในสัปดาห์เดียว ดัชนีดาวโจนส์และแนสแดก100 ก้าวเข้าสู่ภาวะ ‘ตลาดหมี’ อย่างชัดเจน ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างไมโครซอฟท์(MSFT), แอปเปิล(AAPL) และเอ็นวิเดีย(NVDA) ต่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในทางกลับกัน บิตคอยน์(BTC) กลับแสดงความมั่นคงอย่างเด่นชัด โดยข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่าความเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่เพียง 0.3% เท่านั้น ถือเป็นสภาวะ ‘รักษาระดับ’ ที่หาได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมอิงตลาดหุ้นที่ผ่านมา ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า บิตคอยน์กำลังได้รับสถานะเป็น ‘ทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง’ อย่างแท้จริง
นโยบายการค้าของทรัมป์อาจนำไปสู่การแข็งค่าของดอลลาร์และสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ไม่เอื้อต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถเป็นแรงหนุนให้ความต้องการต่อสินทรัพย์ทางเลือก อย่างเช่น คริปโตเคอร์เรนซี เพิ่มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า “บิตคอยน์เริ่มขาดการเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม (decoupling) และมีแนวโน้มปรับขึ้นในระดับต่อไปได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”
ท่ามกลางความกังวละวลว่ามาตรการภาษีสูงของฝ่ายบริหารทรัมป์จะเร่งให้เกิดภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คริปโตเคอร์เรนซียังคงสามารถแสดงให้เห็นถึง ‘ความแข็งแกร่งเชิงสัมพัทธ์’ สะท้อนให้เห็นว่า ‘สินทรัพย์กระจายศูนย์’ อย่างบิตคอยน์อาจกลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักลงทุน ในขณะที่ความสนใจอาจไหลออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสู่โลกการเงินแบบไร้ศูนย์กลางมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0