ราคาของคาร์ดาโน(ADA) ร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงล่าสุด เรียกความสนใจจากนักลงทุนทั่ววงการคริปโต เนื่องจากแรงกดดันจาก *ปัจจัยมหภาคโลก* โดยเฉพาะนโยบายการค้ารอบใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่สร้างความตึงเครียดให้กับตลาดทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินดิจิทัลเกือบทั้งหมด รวมถึง ADA เผชิญแรงขายอย่างหนัก
ราคาของบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดที่ระดับ 90,000 ดอลลาร์ เหลือต่ำกว่า 77,000 ดอลลาร์ ขณะที่ อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP) และโดจคอยน์(DOGE) ต่างก็เผชิญกับการเทขายรุนแรงในช่วงเวลาเดียวกัน สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังคำแถลงของทรัมป์เกี่ยวกับการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งจุดชนวนความกังวลรอบใหม่ในตลาดโลก
อ้างอิงข้อมูลจากแพลตฟอร์มข้อมูล โคอินกลาส(Coinglass) เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ระบุว่ามีการ *ชำระบัญชี* ตำแหน่งลงทุนในตลาดคริปโตมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านล้านวอน) ภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดภาวะเทขายรุนแรงในหลายเหรียญ โดย ADA ร่วงลงมาอยู่ที่ 0.55 ดอลลาร์ หรือลดลงถึง 13% ภายในวันเดียว
นักวิเคราะห์มองว่า ADA กำลังพยายามยืนเหนือเส้นแนวรับล่างของ ‘รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร’ และระดับ 0.51 ดอลลาร์ถือเป็นจุดทดสอบสำคัญ ซึ่งหากหลุดระดับนี้ ก็มีแนวโน้มว่าราคาจะลงไปแตะจุดต่ำสุดของเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ประมาณ 0.35 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลดลงจากราคาปัจจุบันถึง *30%*
แม้กราฟระยะสั้นจะมีสัญญาณของ ‘รูปแบบ Double Bottom’ ให้เห็นเล็กน้อย แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า โครงสร้างราคานี้อาจไม่ใช่สัญญาณกลับตัวขึ้นอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงชั่วคราวก่อนที่จะเข้าสู่คลื่นขาลงระลอกใหม่ ภาพรวมยังแสดงลักษณะของรูปแบบ ‘Ending Diagonal’ ที่มักเกิดก่อนจบรอบขาลง ซึ่งบ่งชี้ว่ายังไม่ใช่จังหวะของการฟื้นตัวที่มั่นคง
นอกจากนี้ ADA ยังไม่สามารถกลับไปทดสอบระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 0.673 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นแนวต้านจิตวิทยาสำคัญ หากขาดแรงซื้อที่มากพอในรูปแบบคลื่นห้าขึ้น (5-wave structure) การกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นจะยังเป็นเรื่องยาก
ท่ามกลางผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจแบบแข็งกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เริ่มส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศสหรัฐฯ ตลาดคริปโตเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ โดยเฉพาะ ADA และเหรียญอัลต์คอยน์อื่น ๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวตามปัจจัยเสี่ยงมหภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งสะท้อนว่า *การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการประเมินแนวโน้มตลาดช่วงนี้* ความเข้าใจในนโยบายเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมโลกก็มีความสำคัญไม่น้อย
ความคิดเห็น 0