Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สเตเบิลคอยน์ทองคำ จุดเปลี่ยนใหม่ของคริปโต เพื่อความมั่นคงแบบตรวจสอบได้

Tue, 08 Apr 2025, 15:17 pm UTC

สเตเบิลคอยน์ทองคำ จุดเปลี่ยนใหม่ของคริปโต เพื่อความมั่นคงแบบตรวจสอบได้ / Tokenpost

สเตเบิลคอยน์ได้รับความสนใจมาโดยตลอดในฐานะเครื่องมือทางการเงินที่รวมข้อดีของคริปโตเคอร์เรนซีและเงินสกุลหลักเข้าไว้ด้วยกัน จุดมุ่งหมายของมันคือการผสานความเร็วและความไร้พรมแดนของสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับความมั่นคงของเงินตราแบบดั้งเดิม ดังนั้น ‘ความมั่นคง’ จึงกลายเป็นคุณค่าหลัก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มูลค่าหลักนี้ได้ถูกสั่นคลอน เมื่อโครงการหลายรายประสบกับปัญหาความโปร่งใสและโครงสร้างที่ล้มเหลว

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของเทราUSD (UST) ที่ในปี 2022 ประสบกับภาวะขาดหลักประกัน โปร่งใสไม่เพียงพอ และพังทลายจากโครงสร้างอัลกอริธึม ส่งผลให้ราคาตลาดร่วงลงอย่างหนัก และสูญเสียมูลค่ารวมเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ล่มสลายของไอออนไฟแนนซ์(TITAN) ก็เน้นให้เห็นชัดว่าการใช้โครงสร้างเรเวอเรจสูงอย่างไร้อาณัติอาจเป็นจุดอ่อนร้ายแรงที่สร้างความเปราะบางอย่างน่าเป็นห่วง

ปัญหาพื้นฐานที่แท้จริงอยู่ที่โครงสร้างของสเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยภาคเอกชน ซึ่งผู้ลงทุนมักไม่สามารถตรวจสอบหลักประกันได้ด้วยตนเอง และต้องพึ่งพาบัญชีที่จำกัดจากการตรวจสอบเท่านั้น แม้บางบริษัทผู้ออกเหรียญจะระบุว่า ‘มีหลักประกันครบถ้วน’ หรือ ‘ผ่านการตรวจสอบแล้ว’ แต่ในทางปฏิบัติกลับขาดความโปร่งใสและไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ความไม่แน่นอนในลักษณะนี้ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดถูกสั่นคลอน และสุดท้ายก็กลายเป็นความเสียหายที่ผู้ลงทุนต้องแบกรับ

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หลายโครงการเริ่มเสนอทางเลือกใหม่ด้วยการจับคู่เหรียญเข้ากับสินทรัพย์ที่มีตัวตนจริงอย่าง ‘ทองคำ’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมายาวนาน ทองคำยังพิสูจน์ตัวเองจากช่วงวิกฤตต่างๆ นับตั้งแต่สงครามไปจนถึงโรคระบาด เช่นในปี 2020 ที่นักลงทุนหันหาทองคำจนราคาพุ่งขึ้นกว่า 25% ประเด็นที่สำคัญกว่าคือ ตั้งแต่ปี 1913 เงินดอลลาร์สหรัฐสูญเสียอำนาจซื้อไปถึง 96.8% ขณะที่ทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นี่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าทองคำสามารถเป็นมาตรฐานของความมั่นคงในยุคดิจิทัลได้

เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกมองว่าเป็นทางออกในการจัดการปัญหาเรื่องต้นทุนการจัดเก็บทองคำ ความไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย และสภาพคล่อง โดยการนำทองคำจริงที่ฝากไว้ในห้องเก็บรักษาที่ได้รับการควบคุม มาทำการโทเค็นไนซ์ ผู้ถือเหรียญสามารถตรวจสอบการถือครองทองคำได้ผ่านโทเค็นบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งใช้สมาร์ตคอนแทรกต์ในการบันทึกและตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างที่โดดเด่นด้าน ‘ความโปร่งใส’ และ ‘การตรวจสอบย้อนกลับ’ อย่างแท้จริง ต่างจากรุ่นเดิมที่มีจุดอ่อนในเรื่องนี้

สเตเบิลคอยน์ที่ยึดโยงกับทองคำจึงเป็นการต่อยอดจุดแข็งของคริปโต โดยลดความผันผวน และนำเสนอความมั่นคงที่สกุลเงินทั่วไปที่มีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อมักจะให้ไม่ได้ ความมั่นคงที่โครงการนี้เสนอไม่ใช่แค่ค่าคงที่ของอัตราแลกเปลี่ยน แต่เกิดจากการผสมผสานกันของ ‘ความมีอยู่จริง’ ของทองคำ และ ‘ความโปร่งใส’ ทางเทคโนโลยี

คำถามใหญ่ของสเตเบิลคอยน์คือจะสร้าง ‘ความเชื่อมั่น’ ได้อย่างไร คำตอบไม่ใช่แค่การอิงกับชื่อเสียงของผู้ออกเหรียญเท่านั้น แต่คือโครงสร้างที่สามารถตรวจสอบหลักประกันได้อย่างอิสระ มีระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ และสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางที่สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย โมเดลไฮบริดที่กำลังถูกพัฒนาใหม่ เสนอบทบาทแยกของภาครัฐและเอกชน โดยให้รัฐบาลดูแลด้านความน่าเชื่อถือของหลักประกัน ขณะที่ภาคเอกชนดำเนินการในเชิงระบบและการจัดการ ซึ่งสามารถสร้างระบบที่แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ด้วยความเป็น ‘ไร้ศูนย์กลาง’ และ ‘สอดรับกับกฎระเบียบ’

ในยุคของการเงินดิจิทัล ความเชื่อมั่นจะไม่สามารถถูกสร้างด้วยวลีโฆษณาอีกต่อไป แต่ต้องมาจาก ‘กลไกที่ชัดเจน’ และ ‘หลักประกันที่ตรวจสอบได้’ การผสานกันของความมั่นคงในอดีตอย่างทองคำ กับความโปร่งใสในเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังนำสเตเบิลคอยน์กลับมายังจุดที่มันเคยให้สัญญาเอาไว้—การเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงอย่างแท้จริง ซึ่งนักลงทุนสามารถ ‘ตรวจสอบ’ ได้แทนที่จะต้อง ‘เชื่อ’ เท่านั้น และนี่อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดในระยะยาว

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1