กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้ยกเลิก ‘หน่วยบังคับใช้กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ’(NCET) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลอาชญากรรมด้านคริปโตโดยเฉพาะ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม เพื่อปรับโฉมกรอบนโยบายเกี่ยวกับคริปโตใหม่
ยืนยันการยุบหน่วย NCET อย่างเป็นทางการผ่านเอกสารภายในความยาว 4 หน้า ที่เขียนโดยทอดด์ บลานช์(Todd Blanche) รองรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ จากรายงานของ *Fortune* เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) บลานช์ระบุว่า “กระทรวงยุติธรรมไม่ใช่หน่วยงานกำกับคริปโต” พร้อมวิจารณ์ “รัฐบาลชุดก่อนใช้อำนาจอัยการเข้มงวดกับภาคคริปโตเกินเหมาะสม”
ทอดด์ บลานช์ถือเป็นแกนนำสำคัญในทีมบุคคลใกล้ชิดของทรัมป์ เคยทำหน้าที่คุมทีมทนายในการว่าความคดีสำคัญของทรัมป์ เช่น คดีจ่ายเงินปิดปากอดีตนักแสดงหนังผู้ใหญ่ และคดีเอกสารลับของรัฐบาลกลาง ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาสะท้อนว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการยืนหยัดในแนวทาง ‘สนับสนุนคริปโต’ อย่างชัดเจน
NCET ก่อตั้งขึ้นในช่วงรัฐบาลโจ ไบเดนเมื่อปี 2021 โดยไลซา โมนาโก รองรัฐมนตรียุติธรรมในขณะนั้นเคยกล่าวว่าการตั้งหน่วยนี้มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้แพลตฟอร์มที่ฟอกเงินจากอาชญากรรม และพยายามสลายระบบการเงินใต้ดิน โดยเริ่มดำเนินงานเต็มรูปแบบตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022 และยังคงมีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอยู่จนถึงขณะนี้
การยุบ NCET สอดคล้องกับท่าทีเชิงรุกของทรัมป์ที่มีต่ออุตสาหกรรมคริปโต นับตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทรัมป์ได้เสนอแนวทางสำรองบิตคอยน์(BTC) ในสหรัฐฯ จัดเวทีอภิปรายคริปโต และประกาศให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว ล่าสุดยังมีการเสนอชื่อบุคคลที่มีจุดยืน ‘สนับสนุนคริปโต’ ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC)
อย่างไรก็ดี ทรัมป์กลับเผชิญกับข้อกังขาเกี่ยวกับโครงการคริปโตที่เขาและครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่แพลตฟอร์มดีไฟที่ใช้โทเคน WLFI โปรเจกต์เหรียญมีมอย่าง ‘ทรัมป์(Trump)’ และความร่วมมือกับคริปโตดอทคอมในการออก ETF โดยถูกตั้งข้อสงสัยถึงการใช้ข้อมูลภายใน และความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ตัวอย่างเช่น กลุ่มวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต 5 คน ออกมาเตือนว่า USD1 ซึ่งเป็นเหรียญสเตเบิลคอยน์ของ WLFI อาจทำให้การออกกฎหมายสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐฯ ซับซ้อนยิ่งขึ้น พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน แมกซีน วอลเทอร์ส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังแสดงความกังวลว่า ทรัมป์อาจพยายามให้ USD1 เข้ามาแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ
แวดวงคริปโตมองว่าการยุบ NCET คือสัญญาณของ ‘จุดเปลี่ยน’ ในเชิงนโยบาย ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่มีความเฉียบขาดมากขึ้น สหรัฐฯ อาจกำลังเคลื่อนตัวไปสู่ทิศทางใหม่ของการกำกับดูแลคริปโต ที่แตกต่างจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง
ความคิดเห็น 0