รัฐบาลดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) เริ่มเดินหน้าผสานวงการ ‘อสังหาริมทรัพย์’ เข้ากับอุตสาหกรรม ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ อย่างเต็มรูปแบบ โดยเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา กรมที่ดินดูไบ(DLD) และสำนักงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลดูไบ(VARA) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ มุ่งขยายการใช้เทคโนโลยี ‘โทเคนดิจิทัล’ กับอสังหาริมทรัพย์
ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะผสานฐานข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์เข้ากับเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่สามารถเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ให้เป็น ‘โทเคนบนระบบบล็อกเชน’ ได้โดยตรง ซึ่งในอนาคต ‘อสังหาริมทรัพย์แบบโทเคน’ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าถึงและทำธุรกรรม ‘ซื้อขายแบบเรียลไทม์’ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ทางการดูไบคาดหวังว่า การทำงานร่วมกันครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเมือง และกระตุ้น ‘สภาพคล่องของตลาด’ ให้ขยายตัวมากขึ้น ทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมาย ‘เพิ่ม GDP ของดูไบให้เติบโตเป็นเท่าตัว’ ภายใน 10 ปีข้างหน้า
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค. กรมที่ดินดูไบได้เริ่มทดลองโครงการ ‘โทเคนอสังหาริมทรัพย์’ เป็นครั้งแรก ถือเป็นการนำเทคโนโลยี ‘บล็อกเชน’ มาใช้กับระบบการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกของประเทศ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ภายในภูมิภาคได้กว่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.86 แสนล้านบาท) ภายในปี 2033
สกอต ติล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพลตฟอร์มโทเคนสินทรัพย์ ‘ท็อกอินเวสต์(Tokinvest)’ กล่าวว่า ความคืบหน้าของโครงการในดูไบที่เปลี่ยนจาก ‘ระยะทดลอง’ มาสู่ ‘การดำเนินการเชิงกลยุทธ์’ ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนจากรัฐบาล UAE ว่าอนาคตของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็น ‘On-chain’ เท่านั้น
ติลยังระบุเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ MOU ทั่วไป แต่คือ ‘โมเดลของ Real Estate 2.0’ ที่ผสานความน่าเชื่อถือและการเข้าถึงระดับโลกให้กับนักลงทุน พร้อมชี้ว่า “นักลงทุนทั่วโลกควรจับตาดูว่า UAE กำลังเปลี่ยนภาพรวมของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างไรผ่านเทคโนโลยี ‘โทเคนดิจิทัล’”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม บริษัทอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ‘ดามัค(Damac)’ และสตาร์ทอัปบล็อกเชน ‘มันตรา(Mantra)’ ก็ได้ลงนามข้อตกลงการโทเคนสินทรัพย์จริงในตะวันออกกลาง มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.46 แสนล้านบาท) ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า ดูไบกำลังเดินหน้าเป็นผู้นำด้านการสร้าง ‘ระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัล’ ที่มี ‘สินทรัพย์จริง’ เป็นศูนย์กลางอย่างเป็นรูปธรรม
ความคิดเห็น 0