ไบแนนซ์เตรียมเปิดตัวสินทรัพย์มาร์จิ้นแบบให้ผลตอบแทน ‘LDUSDt’ ซึ่งบริษัทเน้นย้ำว่าไม่ใช่ ‘สเตเบิลคอยน์’ ทั่วไป แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีฟังก์ชันหลากหลายและออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำกำไรแบบเรียลไทม์แม้อยู่ในระหว่างการเทรดสัญญาฟิวเจอร์ส
เมื่อวันที่ 9 ไบแนนซ์ประกาศว่า สินทรัพย์ LDUSDt จะเปิดให้ผู้ใช้ที่ฝากเงินดิจิทัลเทเธอร์(USDT)ไว้ในผลิตภัณฑ์รับดอกเบี้ย ‘Simple Earn’ สามารถเปลี่ยนเป็น LDUSDt เพื่อใช้งาน โดยในขณะเดียวกันยังคงได้รับ *ผลตอบแทนประจำปี(APR)* ตามปกติ นั่นหมายความว่าผู้ถือโทเคนสามารถนำไปใช้เป็นมาร์จิ้นในตลาดอนุพันธ์พร้อมกับรับผลตอบแทนต่อเนื่องได้ในเวลาเดียวกัน
LDUSDt ถือเป็นสินทรัพย์มาร์จิ้นเพื่อรับผลตอบแทนตัวที่สองของไบแนนซ์ ถัดจากการเปิดตัว *BFUSD* เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นบริษัทได้ชี้แจงชัดว่า BFUSD ไม่ใช่ *สเตเบิลคอยน์* เพื่อเลี่ยงการเปรียบเทียบกับกรณีล้มเหลวของเทอราUSD(UST)
คราวนี้ ไบแนนซ์ยืนยันเช่นเดิมว่า *LDUSDt ไม่ใช่สเตเบิลคอยน์* โดยเป็นสินทรัพย์ที่ใช้เป็นมาร์จิ้นสำหรับการเทรดสัญญาฟิวเจอร์สพร้อมกับรับ *APR แบบเรียลไทม์* บริษัทยังระบุว่า LDUSDt จะสามารถนำมาใช้บน ‘โหมดสินทรัพย์หลากหลาย’ บนแพลตฟอร์มไบแนนซ์ฟิวเจอร์ส และผลตอบแทนจะถูกนับแบบสะสมอย่างต่อเนื่อง
แม้จะยังไม่ประกาศวันที่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ แต่ไบแนนซ์เผยว่าจะเริ่มให้บริการ *ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในเร็ว ๆ นี้* โดยในบทสัมภาษณ์กับ Cointelegraph ทางบริษัทกล่าวว่า “LDUSDt ช่วยให้ผู้ใช้แปลง USDT เป็นสินทรัพย์สำหรับเทรดฟิวเจอร์สได้ โดยไม่สูญเสียผลตอบแทน APR” พร้อมทั้งเสริมว่า สินทรัพย์ที่แลกเปลี่ยนจะถูกส่งไปยัง *กระเป๋าฟิวเจอร์ส(Futures Wallet)* ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคำถามจาก Cointelegraph เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากระบบใหม่นี้ ฝ่ายไบแนนซ์ยังไม่ให้คำตอบอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน ไบแนนซ์ยังคงรักษาตำแหน่งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอันดับ 1 ของโลก โดยอ้างอิงข้อมูลจาก CoinGecko พบว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา *ไบแนนซ์มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 16.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 24.09 ล้านล้านวอน)* ขณะที่อันดับสองคือ Bitget มีปริมาณอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.3 ล้านล้านวอน) และอิงตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ของไบแนนซ์ ในช่วงเวลาเดียวกันพบว่ามีการซื้อขายรวม 24.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35.82 ล้านล้านวอน)
ขณะเดียวกัน อดีตซีอีโอของบริษัทอย่าง *จางเผิง เจา(Changpeng Zhao)* ก็ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลคีร์กีซ เพื่อให้คำปรึกษาด้านนโยบายบล็อกเชนและคริปโตระดับประเทศ โดยเขากล่าวว่าจะเข้าร่วมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีผ่านองค์การพัฒนาการลงทุนในประเทศนั้นอย่างใกล้ชิด
ด้านซีอีโอคนปัจจุบัน *ริชาร์ด เทง(Richard Teng)* ก็กลายเป็นที่จับตาของวงการเช่นกัน เขาเพิ่งออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ในงานประชุมสุดยอดสินทรัพย์ดิจิทัลที่นิวยอร์ก ปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับสถานะการเจรจาระหว่างไบแนนซ์สหรัฐกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ *ประธานาธิบดีทรัมป์* โดยระบุว่า “ไม่เป็นความจริง”
ความคิดเห็น 0