DeFi ไม่ใช่แค่สนามเก็งกำไร แต่คือการปฏิวัติการเงินเพื่อทุกคน

แม้การเงินแบบกระจายศูนย์หรือ ‘DeFi’ จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียง ‘คาสิโนสำหรับนักเก็งกำไร’ แต่ในทางกลับกัน โลกการเงินแบบดั้งเดนอย่างกองทุนเฮดจ์ฟันด์และธนาคารขนาดใหญ่กลับใช้ ‘การเก็งกำไร’ เป็นหนึ่งในกลไกการค้นหาราคาที่สำคัญ โดยเฉพาะการใช้ความผันผวนของตลาดและการทำอาร์บิทราจในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งกลายเป็นโมเดลการทำรายได้ที่ได้รับการยอมรับในตลาดการเงินเดิม ไม่ว่าจะในหุ้นไปจนถึงผลิตภัณฑ์โครงสร้างซับซ้อน

ในด้าน DeFi ความผันผวนของตลาดสะท้อนได้ชัดเจนจากการที่ราคาของอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงกว่า 15% ในช่วงล่าสุด ส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตของนักลงทุนสายยาวกว่า 100 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในขณะที่มีการล่มสลายของเหรียญมีมยอดนิยม กลืนมูลค่าตลาดไปราว 46,000 ล้านดอลลาร์ นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบของ ‘การเก็งกำไร’ ที่มีต่อโครงสร้างระบบทั้งหมด ขณะเดียวกัน กรณีการแฮ็กจากแพลตฟอร์ม Bybit ก็ยิ่งซ้ำเติมความกังวลว่า DeFi ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่ไม่น้อย ความไม่มั่นใจเหล่านี้จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการยอมรับจากนักลงทุนสถาบัน

แต่การมอง DeFi เป็นเพียงเกมเก็งกำไรอาจมองข้าม ‘คุณค่าแท้จริง’ ของระบบนี้ ด้วยการใช้สมาร์ทคอนแทรกต์ DeFi ได้เปิดโอกาสเข้าถึงการเงินที่ก่อนหน้านี้จำกัดอยู่กับนักลงทุนรายใหญ่สู่ผู้ใช้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน การดูแลสภาพคล่องผ่าน AMM หรือการกำหนดราคาสินทรัพย์ข้ามบล็อกเชน ล้วนเป็นองค์ประกอบที่รื้อถอนโครงสร้างการเงินแบบพิเศษเฉพาะกลุ่มในอดีตออกไป

ความโปร่งใสของข้อมูลและการเข้าถึงแบบไร้ข้อจำกัดใน DeFi ยังเปิดโอกาสใหม่ที่เดิมมีเพียงผู้เล่นรายใหญ่อย่างเทสลา(TSLA) หรือโกลด์แมน แซคส์ เท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ ทรัพยากรด้านสภาพคล่องและการเข้าถึงข้อมูลที่เคยเป็นของชนชั้นนำในวอลสตรีท สามารถถูกบริหารจัดการผ่านระบบกระจายศูนย์ได้เช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ใช่แค่ ‘เทคโนโลยี’ แต่กลายเป็นการปฏิวัติทางสังคม

สิ่งที่น่าสนใจคือ ล่าสุดสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งเริ่มปรับตัวและเข้ามาทดลองใช้ระบบ DeFi อย่างเห็นได้ชัด จุดสนใจอยู่ที่ศักยภาพด้านการอัตโนมัติผ่านสมาร์ทคอนแทรกต์และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ก่อให้เกิดการตีความใหม่ว่า DeFi อาจไม่ใช่แค่สังเวียนสำหรับการเสี่ยงโชค แต่คือเครื่องมือทางการเงินที่ชอบธรรม ‘ความคิดเห็น’ ระบบเดิมต่างหากที่มีปัญหาจากการกระจุกตัวของผลประโยชน์ ไม่ใช่ ‘การเก็งกำไร’ โดยตัวมันเอง

ในภาพรวม เมื่อภาครัฐและหน่วยงานกำกับเริ่มเปิดรับ DeFi มากขึ้น อุตสาหกรรมนี้ควรมุ่งเน้นไปที่การ ‘กระจายอำนาจ’ มากกว่าการลอกเลียนระเบียบเดิมของการเงินแบบศูนย์กลาง การเงินของยุคดิจิทัลควรวัดจากการเข้าร่วม ไม่ใช่การผ่านด่าน และนิยามจาก ‘การเข้าถึง’ ไม่ใช่ ‘ความเหนือชั้นทางระบบ’ เราไม่จำเป็นต้องขอโทษที่มีการเก็งกำไรในระบบ แต่ควรใช้มันให้เป็นพลังเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมสำหรับผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก นี่แหละคือ ‘นวัตกรรมที่แท้จริง’ ของ DeFi.