ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตไวซ์ (Bitwise) บริษัทบริหารสินทรัพย์คริปโต ได้เผยแพร่รายงานตลาดล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ซึ่งชี้ว่าช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ถือเป็น ‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด’ ในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีเหตุการณ์สำคัญหลายประการที่เกิดขึ้น แต่ราคาตลาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับสวนทาง
แมตต์ โฮแกน (Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวซ์ ระบุในรายงานว่า “ไตรมาสแรกนับว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต” แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีปัจจัยบวกจำนวนมากเกิดขึ้น เช่น การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐที่สนับสนุนคริปโต, การจัดตั้งทุนสำรองบิตคอยน์ในระดับยุทธศาสตร์, การที่ SEC ถอนฟ้องคดีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับคริปโต และการผ่อนคลายนโยบายกำกับดูแลภายใต้รัฐบาลไบเดน
แต่ในทางกลับกัน ‘ตลาดไม่สามารถสะท้อนปัจจัยบวกเหล่านั้นได้’ โดยดัชนีบิตไวซ์ 10 ซึ่งติดตามคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ ร่วงลงถึง 18% ขณะที่มูลค่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโตทรุดตัวลง 27% ส่วนราคาอีเธอเรียม(ETH) ตกลงอย่างรุนแรงถึง *45%*
มูลค่าตลาดรวมของคริปโตลดลงราว 6.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือเกือบ *20%* ภายในช่วง 3 เดือน สะท้อนความอ่อนแอของตลาด แม้แต่ในเดือนเมษายน การฟื้นตัวยังไม่เกิดขึ้น โดยยังต่ำกว่าจุดสูงสุดของเดือนมกราคมที่ *3.9 ล้านล้านดอลลาร์* ถึง *30%*
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเชิงบวกที่น่าสนใจ สเตเบิลคอยน์มีอุปทานเพิ่มขึ้น *13.5%* เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส สู่ระดับ *2.18 แสนล้านดอลลาร์* พร้อมทั้งมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น *30%* ปัจจุบันมูลค่าตลาดของสเตเบิลคอยน์อยู่ที่ *2.36 แสนล้านดอลลาร์* ซึ่งสูงกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ทั้งหมดเมื่อไม่นับรวมบิตคอยน์(BTC)
การโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริงยังเติบโตแรง โดยเพิ่มขึ้น *37%* ในไตรมาสแรก ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกัน ปริมาณสัญญาฟิวเจอร์สของบิตคอยน์และจำนวนสถานะคงค้าง (Open Interest) ก็แตะระดับสูงสุด สะท้อนว่า *นักลงทุนสถาบัน* กำลังให้ความสนใจกับคริปโตในฐานะ ‘สินทรัพย์มหภาค’
ถึงกระนั้น รายงานยังชี้ถึงเหตุการณ์ลบที่ส่งผลกดดันตลาด เช่น การแฮ็กมูลค่า *1.5 พันล้านดอลลาร์* ที่กระดานซื้อขายไบบิต และการล่มสลายของกระแสมิ้มคอยน์ที่กลายเป็นฟองสบู่
บิตไวซ์มองว่าหากจะเห็น *การฟื้นตัวในอนาคต* อาจต้องอาศัยแรงสนับสนุนจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกสู่แนวทางผ่อนคลายทางการเงิน, การออกกรอบกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์และดีไฟน์ในสหรัฐ และการเติบโตของบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการควบคุมเงินทุนข้ามพรมแดน
ความคิดเห็น 0