นโยบายใหม่ด้านภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมเหมืองคริปโตของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่ออเมริกามี ‘ความพึ่งพาสูง’ ต่ออุปกรณ์ขุดที่นำเข้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งจากอินโดนีเซีย, ไทย และมาเลเซีย
หลังจากที่เคยมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 25% ในวาระแรกของทรัมป์เมื่อปี 2018 ผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดจึงย้ายฐานการผลิตมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนเมษายน ทรัมป์ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศเหล่านี้เป็น 24% ถึง 36% ส่งผลให้อุตสาหกรรมเหมืองคริปโตของอเมริกาสะเทือนอย่างรุนแรง
แม้จะมีการประกาศ *ระงับการใช้ภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน* เพื่อให้ภาคธุรกิจปรับตัวทัน แต่ผู้ประกอบการหลายรายต่างเร่งออกมาตรการรับมือฉุกเฉิน อีธาน เบลลา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Luxor Technologies ซึ่งนำเข้าเครื่องขุดจากไทย กล่าวว่าการขึ้นภาษี 36% จะกระทบต่อ ‘ผลตอบแทนการลงทุน’ อย่างรุนแรง
นอกจากนี้ราคา ‘ค่าแฮชเรท’ ที่ใช้ซื้อขายกำลังขุดในตลาดโลก ก็ตกต่ำลงมาอยู่ที่ *ต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อ PH/s* ซึ่งถือเป็นจุดคุ้มทุนของผู้เหมืองรายใหญ่หลายเจ้า จาลัน เมอร์เรลด์ CEO ของ Hashlabs Mining เตือนว่าหากภาษีใหม่มีผลเต็มรูปแบบ ความต้องการเครื่องขุดในสหรัฐฯ อาจ ‘ล่มสลาย’ ซึ่งอาจทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องปล่อยสินค้าคงคลังในตลาดประเทศอื่น กระตุ้นให้ราคาตลาดโลกลดลง และให้ข้อได้เปรียบกับนักขุดนอกสหรัฐฯ
บริษัทในสหรัฐฯ หลายแห่งพยายามเร่งนำเข้าเครื่องขุดมากที่สุดก่อนหมดเขตกำหนดในเดือนกรกฎาคม ขณะที่บางแห่งเลือกเจรจาเพื่อล่าช้าการจัดส่งสำรองไว้ก่อน ทาราส คริก CEO ของ Syntek Digital กล่าวว่าแม้ภาษีจะถูกยกเลิกในที่สุด แต่ ‘นโยบายการค้าที่คาดเดาไม่ได้’ ของทรัมป์ก็ยังสร้าง ‘ความไม่มั่นใจ’ ต่อกลุ่มนักลงทุน พร้อมระบุว่า “หากต้องการทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูการผลิตในประเทศ จะต้องมี*นโยบายที่มีเสถียรภาพ*”
คริกยังเปิดเผยว่า ลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าของบริษัทได้เริ่มสำรวจการย้ายฐานไปต่างประเทศแล้ว และมีถึง 3 รายที่ได้ขอคำแนะนำเรื่องทำเลใหม่
ข้อมูลจาก TheMinerMag ระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 สหรัฐฯ ถือ *อัตรากำลังประมวลผลของเครือข่ายบิตคอยน์ (Hashrate)* มากกว่า *40%* ของทั้งหมดทั่วโลก โดยสหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำโลกในด้านนี้นับตั้งแต่จีนสั่งแบนเหมืองคริปโตเมื่อปี 2021
แม้ว่าทรัมป์จะตั้งเป้าให้ ‘อเมริกาเป็นผู้นำระดับโลก’ ในด้านเหมืองสินทรัพย์ดิจิทัล และออกมาตรการสนับสนุนมากมาย แต่นโยบายภาษีล่าสุดอาจสร้าง ‘แรงกระเทือนโดยตรง’ ต่อสถานะผู้นำนี้
ประเทศอื่นอย่างคาซัคสถาน, รัสเซีย และแคนาดา ก็เร่งลงทุนในภาคเหมืองเช่นกัน คริสเตียน เชฟชาล หัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทเทคโนโลยีเหมืองคริปโต Braiins เชื่อว่าประเทศเหล่านี้มีศักยภาพจะแซงหน้าสหรัฐฯ ด้านอัตรา Hashrate ได้ในอนาคต
แม้ว่าจุดประสงค์หลักของนโยบายภาษีของทรัมป์คือ ‘ส่งเสริมการผลิตในประเทศ’ แต่เชฟชาลมองว่า “ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดรวมถึงวัตถุดิบ *ไม่สามารถทำภายในประเทศสหรัฐฯ เพียงลำพังได้*”
ด้านบริษัท Bitdeer ซึ่งมีฐานในสิงคโปร์ เตรียมเปิดสายการผลิตเครื่องขุดในอเมริกาในช่วงครึ่งปีหลัง เจฟฟ์ ลาวาจ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุนของบริษัท ระบุว่า "เราต้องการ ‘ดึงการจ้างงานและการผลิตกลับสหรัฐฯ’ ให้มากที่สุด"
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม บริษัทโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนและ AI อย่าง Oradian ได้เปิดตัว *เครื่องขุดบิตคอยน์ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ออกแบบในสหรัฐฯ เครื่องแรก* โดยชูว่าจะช่วยตอบโจทย์การใช้พลังประมวลผลสูง, ค่าไฟแพง และการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม *ทรัมป์แฟมิลี่* ยังจับมือกับบริษัทเหมืองจดทะเบียน ‘ฮอต8’ ก่อตั้งบริษัทใหม่ ‘อเมริกัน บิตคอยน์’ ผ่านการลงทุนของลูกชายทั้งสองคนคือ *อีริก ทรัมป์* และ *โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์* แสดงถึงความตั้งใจจะมีบทบาทโดยตรงในธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ของครอบครัวทรัมป์เอง
ความคิดเห็น 0