ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามยกเลิกกฎระเบียบของกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS) ที่สร้างภาระต่ออุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนนโยบายสำคัญในระบบนิเวศของคริปโต โดยหลายฝ่ายมองว่านโยบายนี้จะช่วยลดความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ และเปิดทางให้เทคโนโลยีใหม่และบริษัทด้านดิจิทัลเข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดของสหรัฐได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 10 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามอนุมัติญัตติร่วมของรัฐสภาซึ่งเป็นการยกเลิก "กฎโบรกเกอร์ DeFi" อย่างเป็นทางการ กฎนี้ถูกประกาศใช้ในสมัยอดีตรัฐบาลโจ ไบเดน โดยมีแผนบังคับใช้ในปี 2027 ให้แพลตฟอร์ม DeFi รายงานธุรกรรมคริปโตและข้อมูลผู้เสียภาษีต่อ IRS อย่างเข้มงวด
สาระสำคัญของกฎดังกล่าวคือการบังคับให้แพลตฟอร์ม DeFi รายงานยอดรวมรายได้จากการซื้อขายคริปโตและรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมธุรกรรมต่อ IRS โดยตรง การยกเลิกกฎนี้ช่วยให้โครงการ DeFi พ้นจากภาระในการเก็บข้อมูลและบรรเทาความกังวลเรื่อง ‘ความเป็นส่วนตัว’ ของผู้ใช้งานได้อย่างมาก ไมค์ แครี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายนี้ เปิดเผยว่า “กฎโบรกเกอร์ DeFi ทำลายนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอย่างรุนแรง ละเมิดความเป็นส่วนตัว และอาจทำให้ IRS ต้องเผชิญกับภาระมากเกินไปในช่วงฤดูยื่นภาษี”
การยกเลิกในครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอีกด้วย ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเขาอาจเดินหน้าใช้นโยบายที่เป็นมิตรต่อบล็อกเชนในอนาคต แชลส์ ฮอสกินสัน ผู้ก่อตั้งคาร์ดาโน(Cardano) แสดงความคิดเห็นว่า แนวทางนี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจนในการกำกับดูแล และเอื้อต่อการเข้ามาของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในตลาด Web3 เขายังเน้นว่าเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์ควรมุ่งสู่โมเดลที่ ‘ร่วมมือ’ แทนที่จะเป็นเกมศูนย์รวม เพื่อให้สามารถอยู่รอดจากการแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงคริปโตต่างมองว่านี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงนโยบายทั่วไป แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อการขยายตัวของระบบนิเวศ DeFi ในสหรัฐ โดยขึ้นอยู่กับท่าทีต่อไปของทรัมป์ว่าจะมีการผลักดันกฎหมายเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งหากมี ก็มีแนวโน้มที่ตลาดคริปโตสหรัฐจะก้าวเข้าสู่ช่วงเติบโตใหม่ภายใต้กรอบกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ความคิดเห็น 0