แคนนารี แคปิตอล ยื่นจดทะเบียน ETF สำหรับสเตคกิ้งทรอน(TRX)กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) เมื่อวันที่ 18 โดยกองทุนใหม่นี้มีชื่อว่า *แคนนารี สเตคกิ้ง TRX ETF* และมุ่งเน้นติดตามราคาของทรอน(TRX) พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนแบบ *Passive Income* ผ่านฟีเจอร์สเตคกิ้งบนบล็อกเชนของทรอน
จากเอกสารที่ยื่นต่อ SEC ระบุว่า *CSC Delaware Trust* จะเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของกองทุนในฐานะ *Trustee* ขณะที่ *BitGo Trust Company* จะรับผิดชอบการคุ้มครองสินทรัพย์ของกองทุน อย่างไรก็ตาม แคนนารี แคปิตอลยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการบริหารและตัวย่อ(ชื่อย่อหุ้น) ของ ETF ดังกล่าว และคาดว่าจะมีการยื่นเอกสารเพิ่มเติมตามมาในลำดับต่อไป
โดยคำนึงถึงแนวโน้มเชิงบวกของนโยบายการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีภายใต้รัฐบาลของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* แคนนารี แคปิตอลจึงเดินหน้าแผนเสนอ *คริปโต ETF แบบ Spot* อย่างจริงจัง จากรายงานของ *Coinpedia* บริษัทได้ยื่นขออนุมัติ ETF สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลหลายรายการ รวมถึง *ซูอิ(SUI)*, *เพ็งกุย(PENGU)*, *โซลานา(SOL)*, *ริปเปิล(XRP)* และ *เฮเดรา(HBAR)*
การยื่นขอ *แคนนารี สเตคกิ้ง TRX ETF* สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความต้องการในหมู่นักลงทุนสถาบันต่อทรอนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจุบัน ทรอนจัดอยู่ในกลุ่มอัลท์คอยน์อันดับต้น ๆ ตามมูลค่าตลาด โดยมีมูลค่ารวมทั้งระบบ (Fully Diluted Valuation) อยู่ที่ประมาณ *22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* และมียอดการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ *464 ล้านดอลลาร์* ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่กำลังขยายตัว
ราคาของ TRX บนกราฟรายวันแสดงสัญญาณบวก โดยสามารถทะลุแนวต้านเดิมและกำลังสร้างฐานที่ระดับ *0.24 ดอลลาร์สหรัฐ* หากสามารถรักษาระดับนี้ รวมถึงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้อย่างมั่นคง ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ *0.30 ดอลลาร์* ในอนาคตอันใกล้
ขณะเดียวกัน *เครือข่ายทรอน* ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะระบบนิเวศ DeFi โดยมีมูลค่าทั้งหมดที่ถูกล็อก (TVL) กว่า *4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* และมีมูลค่าตลาดของเหรียญเสถียร (Stablecoin) อยู่ที่ *68 พันล้านดอลลาร์* อ้างอิงข้อมูลจาก *DefiLlama* เครือข่ายยังบันทึกจำนวนกระเป๋าแอคทีฟในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาสูงถึง *2.3 ล้านรายการ* และสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมกว่า *1.82 ล้านดอลลาร์*
ก่อนหน้านี้ในยุคของรัฐบาลไบเดน ทรอนเคยถูกจำกัดการเข้าถึงในตลาดสหรัฐฯ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เครือข่ายเริ่มกลับเข้ามาสู่ตลาดอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเปิดทางให้โอกาสทางการลงทุนในอนาคตกลับมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0