เอ็นวิเดีย(NVDA) ได้ยุติความร่วมมือกับเครือข่ายเลเยอร์ 2 ของอีเธอเรียม(ETH) อย่างอะบิทรัม(Arbitrum) แบบกระทันหันก่อนที่จะมีการประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่ *หลีกเลี่ยงการเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์คริปโต* ที่เอ็นวิเดียยังคงรักษาเอาไว้ แม้ว่าแนวโน้มของการผสานเทคโนโลยี *AI และบล็อกเชน* กำลังเร่งตัวมากขึ้นในปัจจุบัน
ความร่วมมือที่ถูกยุตินี้เกี่ยวข้องกับโครงการ "Ignition AI Accelerator" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน AI ภายใต้โปรแกรม "Inception" ของเอ็นวิเดีย โดยอะบิทรัมถูกวางตัวให้เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการ แต่สุดท้ายเอ็นวิเดียได้ตัดสินใจถอนตัวโดย *ไม่มีการชี้แจงเหตุผลอย่างเป็นทางการ*
ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนของผู้บริหารเอ็นวิเดียที่เคยแสดงออกมาก่อนหน้านี้ ในปี 2023 ไมเคิล คากาน(Michael Kagan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี เคยกล่าวว่า *“คริปโตไม่ได้นำมาซึ่งคุณค่าที่แท้จริงต่อสังคม”* ขณะที่ เจนเซน หวง(Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารก็มีความเห็นในทำนองเดียวกัน ซึ่งจุดยืนของผู้บริหารทั้งสองคนนี้ได้ถูกนำไปปฏิบัติจริงในเชิงนโยบาย โดยเลือก *ไม่สนับสนุนสตาร์ทอัพที่เน้นคริปโต* ในธุรกิจหลักของบริษัท
ความคิดเห็น: ท่าทีนี้อาจสะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เน้นความมั่นคง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการเงิน ซึ่งเอ็นวิเดียเคยประสบมาแล้วในอดีต
ในอดีต เอ็นวิเดียเคยได้รับผลกระทบจากตลาด ICO ที่พังทลายในปี 2018 ส่งผลให้มียอดสต็อกจีพียู(GPU)ล้นตลาด นอกจากนี้ยังถูกปรับเป็นเงิน 5.5 ล้านดอลลาร์ จากการไม่เปิดเผยรายได้ที่เกี่ยวกับคริปโตอย่างเหมาะสม ตั้งแต่นั้นมา บริษัทผู้ผลิตชิปแห่งนี้ก็ *เว้นระยะห่างจากอุตสาหกรรมบล็อกเชน*
อย่างไรก็ดี ในฝั่งของเทคโนโลยี AI เอ็นวิเดียยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารของบริษัทเน้นย้ำถึง *ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและสังคม* ของ AI โดยให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน AI อย่างชัดเจน แม้ว่าในบางกรณีกลุ่มผู้ก่อตั้งเหล่านั้นจะมาจากวงการคริปโตก็ตาม
การยุติความร่วมมือกับอะบิทรัมในครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำว่า เอ็นวิเดียยังคงยึดมั่นในนโยบายที่จะ *ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโต* ในช่วงนี้ แม้ว่าโลกของเทคโนโลยีจะกำลังคลี่คลายเส้นแบ่งระหว่าง AI และบล็อกเชนก็ตาม
ความคิดเห็น 0