รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนไหวเพื่อสะสม *บิตคอยน์(BTC)* อย่างรวดเร็วในลักษณะที่คล้ายกับ ‘การแข่งขันพัฒนาอวกาศ’ โดยโบ ไฮนส์ เลขาธิการคณะกรรมการที่ปรึกษาทรัพย์สินดิจิทัลประจำประธานาธิบดี เปิดเผยว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนินการเชิงกลยุทธ์เพื่อสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีกลยุทธ์
จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ *Bitcoin Magazine* ไฮนส์กล่าวว่ารัฐบาลทั่วโลกกำลังค่อย ๆ สะสมบิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ระยะยาว’ และสหรัฐฯ ต้องการเป็นผู้นำในแนวโน้มนี้ โดยรัฐบาลกำลังร่วมมือกับกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการตรวจสอบปริมาณ *บิตคอยน์(BTC)* ที่ถือครองอยู่ และวางแนวทางในการจัดหาที่ไม่เพิ่มภาระต่องบประมาณ
“เรากำลังพิจารณาหลายแนวทางไปพร้อมกัน ไม่ได้มีแผนใดแผนหนึ่งเท่านั้น เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด” ไฮนส์กล่าว ซึ่งมีทั้งมาตรการในระยะสั้นซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และแผนเสริมในระยะยาว ซึ่งจะพัฒนาไปตามสถานการณ์
เขายังเสริมว่ากระทรวงการคลังและหอการค้าสหรัฐฯ มีแผนพัฒนาวิธีการที่ ‘สร้างสรรค์อย่างมาก’ ในการจัดหา *คริปโตเคอร์เรนซี* ที่สำคัญ โดยเน้นการขยายผลที่รวดเร็วมาก่อนแล้วจึงปรับเพิ่มทีหลังตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ ไฮนส์เคยกล่าวว่าอัตราภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยริเริ่ม อาจกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งในการจัดตั้งกองทุนสำรอง *บิตคอยน์* แห่งชาติ และเมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯ ควรสะสม *บิตคอยน์(BTC)* จำนวนเท่าไร เขากลับตอบว่า “นั่นเป็นคำถามที่โง่เขลา” พร้อมให้สัญญาณว่าสหรัฐฯ ตั้งใจจะถือครอง *ทรัพย์สินดิจิทัล* ในปริมาณมาก
ไฮนส์ซึ่งอายุ 29 ปี ยังกล่าวถึงผลงานช่วงต้นที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่ง โดยอ้างถึงคำสั่งฝ่ายบริหารที่ลงนามในสัปดาห์แรก นำไปสู่การจัดตั้งกลุ่มทำงานระหว่างหน่วยงาน และยุตินโยบายที่รู้จักในชื่อ 'Operation Chokepoint 2.0' ซึ่งเป็นการควบคุมทางการเงินที่เข้มข้นต่อบริษัทคริปโต
นอกจากนี้ ยังมีการยุติการฟ้องร้องสำคัญจาก *สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC)* และการผ่อนคลายข้อกำหนดของธนาคารต่อบริษัท *คริปโตเคอร์เรนซี* อีกด้วย รวมถึงการจัดประชุมสุดยอดว่าด้วย *คริปโตเคอร์เรนซี* ครั้งแรกจากทำเนียบขาวในสมัยการบริหารของทรัมป์
ไฮนส์กล่าวย้ำว่ารัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็น “เมืองหลวงแห่ง *คริปโตเคอร์เรนซี* ของโลก” ตามวิสัยทัศน์ขยายใหญ่ของทรัมป์ พร้อมเน้นว่าแม้จะมีระบบนิเวศดิจิทัลอื่นอยู่ แต่ *บิตคอยน์* ก็ยังคงโดดเด่นและมีบทบาทเฉพาะในฐานะ “ทองคำดิจิทัล”
ความคิดเห็น 0