รายงานล่าสุดจากมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยแห่งชาติ (SDDF) เผยว่า ทรัพย์สินส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์มากถึง *37%* อาจเกี่ยวข้องกับ *สินทรัพย์คริปโต* ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรม ความโปร่งใส และความขัดแย้งทางผลประโยชน์จากฝั่งของผู้สังเกตการณ์และนักวิจารณ์ทางการเมือง
SDDF ซึ่งเป็นองค์กรเฝ้าระวังแบบสองพรรค ระบุว่าสินทรัพย์คริปโตของทรัมป์ส่วนใหญ่มาจากโปรเจ็กต์ที่มีข้อถกเถียงอย่างเช่น *TRUMP 밈โทเคน* และ *World Liberty Financial(WLFI)* โดยโปรเจ็กต์ WLFI เป็นแพลตฟอร์ม *ดีไฟน์* ที่เสนอทั้งโทเคนด้านการบริหารจัดการและ *เหรียญเสถียรค่า* (stablecoin) ที่มีชื่อว่า *USD1*
แม้ยังไม่มีตัวเลขที่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่รายงานฉบับหนึ่งชี้ว่า ตระกูลทรัมป์อาจถือครอง *มากถึง 80%* ของเหรียญ TRUMP ที่มีอยู่ทั้งหมด โดยมีการประเมินรายได้จากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ว่าอาจสูงถึง *100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* อย่างไรก็ตาม ความโปร่งใสบนเชนที่ไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถตรวจสอบรายได้จริงที่ไหลเข้าไปสู่ตระกูลของทรัมป์ได้อย่างชัดเจน
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เดินหน้า *สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต* ผ่านการลดหย่อนกฎระเบียบและส่งเสริมการจัดระเบียบระบบ *เหรียญเสถียรค่า* ภายในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม SDDF ระบุว่า ท่าทีดังกล่าวอาจมีแรงจูงใจจากประโยชน์ทางการเงินส่วนตัว
เขตแดนที่ไม่ชัดเจนระหว่าง 'ผลประโยชน์สาธารณะ' และ 'ผลประโยชน์ส่วนตน' ได้จุดชนวนการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นักวิจารณ์มองว่า การที่ประธานาธิบดีนั่งอยู่บนเงินลงทุนคริปโตจำนวนมาก เป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การกำหนดนโยบายต่างๆ โน้มเอียงไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและหลักการบริหารในระบอบประชาธิปไตย
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทรัมป์เกี่ยวพันโดยตรงกับโปรเจ็กต์ *밈โทเคน* และ *ดีไฟน์* ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการ *ยกระดับกฎหมายป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง* ภายในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับ *การถือครองคริปโตของเจ้าหน้าที่รัฐ* ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยที่เป็นระบบหรือข้อบังคับในการรายงานอย่างชัดเจน
“ความคิดเห็น” รายงานฉบับนี้อาจกลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการผลักดันให้มีการออกกฎหมายและกฎเกณฑ์ใหม่ในการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับนโยบายรัฐบาล พร้อมทั้งเปิดช่องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างโปร่งใสมากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0