ซีอีโอ OpenSea จวก SEC ยุคไบเดนสร้างความไม่แน่นอน วอนออกกฎคริปโตที่สมดุล

เดวิน ฟินเซอร์(Devin Finzer) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอเพนซี(OpenSea) แสดงความเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในยุคประธานาธิบดีไบเดน ทิ้งผลกระทบเป็น ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ’ อย่างยาวนานต่ออุตสาหกรรมคริปโต

ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Cointelegraph ฟินเซอร์เผยว่า "SEC ภายใต้รัฐบาลไบเดนพุ่งเป้าไปที่บริษัทในแวดวงคริปโตที่ดำเนินงานโดยสุจริตอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันพยายามจะใช้กฎเกณฑ์เดียวกับสินทรัพย์ทุกประเภท ทั้งที่สินทรัพย์ดิจิทัลมีความหลากหลาย" โดยเขาเน้นกรณีโอเพนซีที่ได้รับจดหมายเตือนล่วงหน้า (Wells Notice) จาก SEC เกี่ยวกับการดำเนินบทบาทเป็นตลาดซื้อขายโดยไม่ลงทะเบียนหลักทรัพย์ในปี 2024 ถือเป็นตัวอย่างของ ‘การใช้อำนาจบังคับใช้แทนการกำหนดกฎ’

เขาระบุเพิ่มเติมว่า “เราเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้” พร้อมเรียกร้องให้มีการพัฒนากฎระเบียบที่ *สมดุล* ซึ่งสามารถ ‘คุ้มครองผู้บริโภค’ โดยไม่ขัดขวาง ‘นวัตกรรม’ ภายใต้การนำของประธาน SEC คนใหม่ พอล แอตกินส์(Paul Atkins)

การเปลี่ยนแปลงสำคัญของท่าที SEC เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยแนวทางที่แข็งกร้าวในยุคแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ถูกปรับทิศ กลายเป็นนโยบายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หลายคดีความและการสืบสวน เช่น คดีริปเปิล(XRP) ได้ถูกยุติ โดย SEC ได้ถอนการดำเนินคดีต่อบริษัทชื่อดังอย่าง คอยน์เบส(Coinbase), คราเคน(Kraken), ยูนีสวอป(Uniswap), ยูกะแล็บส์(Yuga Labs) และโอเพนซี

การเปลี่ยนแนวทางนี้สะท้อนถึงการสนับสนุนจากวงการคริปโตต่อทรัมป์ในระหว่างการเลือกตั้งปี 2024 โดยเขาให้คำมั่นจะทำให้สหรัฐเป็น “เมืองหลวงของสินทรัพย์ดิจิทัลบนโลกใบนี้” ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมลงเงินบริจาคให้กับนักการเมืองที่มีแนวโน้มสนับสนุนคริปโตมากกว่า 119 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,738 พันล้านบาท

มาตรการเข้มงวดของ SEC โดยเฉพาะหลังการล่มสลายของ FTX ในปี 2022 ยังถูกมองว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่เร่งให้ตลาดสะดุดและส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ ‘ตลาด NFT’ โดยเฉพาะโอเพนซี ซึ่งยอดซื้อขายลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงพีคในปี 2021 บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานลงครึ่งหนึ่งในปี 2023 แต่ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมในวงการ NFT

ฟินเซอร์กล่าวอย่างมั่นใจว่า "นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์อินเทอร์เน็ตที่ผู้คนสามารถ ‘เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล’ อย่างแท้จริง" พร้อมเสริมว่า "ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายและใช้งานสินทรัพย์เหล่านี้ข้ามแอปพลิเคชันได้อย่างเสรี นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังอย่างแท้จริง"