บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลังแตะ 105,720 ดอลลาร์ เหตุนักลงทุนแห่กลับตลาดหุ้นรับข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงหลังจากทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการลดภาษีนำเข้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก ขณะที่กระแสเงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น แทนที่จะหนุนให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างคริปโตเคอร์เรนซีปรับตัวขึ้น

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม บิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 105,720 ดอลลาร์ หรือราว 15.43 ล้านบาท ก่อนจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 102,000 ดอลลาร์ หรือราว 14.89 ล้านบาท ภายในเวลาไม่นาน แม้สถานการณ์ความขัดแย้งด้านการค้าเริ่มผ่อนคลายลง โดยเฉพาะมาตรการระงับภาษีชั่วคราว 90 วันระหว่างสองมหาอำนาจก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษา ‘โมเมนตัมขาขึ้น’ ของบิตคอยน์ได้

แหล่งข่าวระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในครั้งนี้ครอบคลุมหลายประเด็นเชิงโครงสร้าง ทั้งข้อพิพาทเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงิน, การทุ่มตลาดเหล็กกล้า และการควบคุมการส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยสกอตต์ เบเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า หากทั้งสองฝ่ายยังคงรักษาความจริงใจและสานต่อบทสนทนาอย่างสร้างสรรค์ ข้อตกลงนี้อาจขยายเวลาต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศเชิงบวกในระดับมหภาคเช่นนี้ อาจส่งผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามต่อ ‘สินทรัพย์หนีความเสี่ยง’ อย่างบิตคอยน์หรือทองคำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งถือเป็น ‘สินทรัพย์เติบโตที่มีผลตอบแทนระยะสั้น’ ที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ โดยราคาทองคำในตลาดโลกล่าสุดก็เริ่มอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกัน

ผู้เชี่ยวชาญบางรายให้ ความคิดเห็น ว่านโยบายเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังดำเนินการอยู่นั้น แม้จะสร้างความมั่นใจในระยะสั้น แต่ก็อาจลดความน่าสนใจของสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้ได้ อย่างไรก็ดี หากในอนาคตความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กลับมากำเริบ หรือแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มขยายตัวอีกครั้ง ตลาดอาจหันกลับไปหาบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ในฐานะ ‘ทางเลือกใหม่’ ที่สร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง