บิตคอยน์(BTC) ที่ถูกถือไว้ในกระดานซื้อขายเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่ความกังวลว่า ‘ภาวะช็อกด้านอุปทาน’ อาจเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเงินทุนจากนักลงทุนสถาบันยังคงไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชนอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า ปริมาณบิตคอยน์ในกระดานซื้อขายแบบรวมศูนย์ลดลงประมาณ 1 ล้าน BTC ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหลือเพียงราว 2.4 ล้าน BTC เท่านั้น เมื่อพิจารณาจากปริมาณบิตคอยน์ทั้งหมดที่ถูกจำกัดไว้เพียง 21 ล้านเหรียญ และแนวโน้มการสะสมเหรียญระยะยาวโดยนักลงทุน ทำให้ภาวะขาดแคลนอุปทานในอนาคตอาจหลีกเลี่ยงได้ยาก
เมื่อวันที่ 12 (เวลาท้องถิ่น) บริษัทด้านการแพทย์แบบบูรณาการ คินดลี่MD(KDLY) ได้ประกาศควบรวมกิจการกับนากาโมโตะ โฮลดิงส์ของเดวิด เบลีย์ เพื่อจัดตั้ง ‘บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ถือบิตคอยน์แบบจดทะเบียนในตลาด’ พร้อมแผนระดมทุนมูลค่ารวม 710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.09 ล้านล้านวอน เพื่อซื้อบิตคอยน์เข้าพอร์ต
บริษัทใหม่นี้จะเข้าร่วมกลุ่มบริษัทจัดการสินทรัพย์ เช่น สแตรติจี, เมตาแพลนเน็ต และนักลงทุนสถาบันรวม 193 ราย ที่ถือครองบิตคอยน์รวมกันกว่า 3.3 ล้าน BTC
เบลีย์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของนากาโมโตะ กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการทำให้บิตคอยน์กลายเป็นหัวใจสำคัญของตลาดทุนโลก และสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบที่ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือหุ้นบุริมสิทธิ์” โดยเขาเสริมว่า “เราวางแผนที่จะนำสินทรัพย์เหล่านี้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทั่วโลก” — ความคิดเห็น: แนวคิดนี้อาจทำให้บิตคอยน์กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การเงินกระแสหลักในเร็ววันนี้
ในมุมมองของวัฏจักรตลาดซึ่งเกิดขึ้นทุก 4 ปี ราคาบิตคอยน์ดูเหมือนจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในปี 2025 ซึ่งเป็นระยะเร่งตัวของรอบขาขึ้น หากพิจารณาจากทฤษฎี 'ผลตอบแทนลดลงตามเวลา' นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มแตะระดับ 250,000 ถึง 350,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
ในด้านวิเคราะห์เชิงเทคนิค ดัชนี RSI รายเดือนของบิตคอยน์ยังแสดงแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยในแต่ละรอบขาขึ้นจะมีการปรับขึ้นใกล้ระดับ 90% อยู่เสมอ ในขณะเดียวกันกราฟ MACD รายเดือนยังคงแสดงสัญญาณ ‘ฮิสโตแกรมขาขึ้น’ เนื่องจากเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณและเส้นศูนย์กลาง แสดงถึงการไหลเข้าของเงินทุนที่ยังไม่ชะลอตัว
ความคิดเห็น 0