ความคาดหวังต่อภาวะตลาดที่ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนเห็นพ้องในการปรับลดภาษีนำเข้าแบบชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยเหลือเพียง 10% จากเดิม 24% เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามการประกาศของทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 12 ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโตเกิดแรงซื้ออย่างมีนัยสำคัญ
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมร่วมด้านการค้าระหว่างสองประเทศที่เจนีวา ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางของความร่วมมือที่มากกว่าความขัดแย้ง มุมมองของทั้งสองฝ่ายคือไม่ต้องการให้เศรษฐกิจแยกขาดจากกัน โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าภาษีที่สูงเกินไปนั้นไม่ต่างจากมาตรการกีดกันอย่างรุนแรง และตอนนี้การเจรจามุ่งเน้นไปที่ความสมดุลและเสถียรภาพของการค้าเป็นหลัก”
มาตรการลดภาษีครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งใช้การปรับภาษีเป็นกลยุทธ์ทางการทูต ขณะที่ยังคำนึงถึงความมั่นคงของตลาดและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศควบคู่กันไป
‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ต่างมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ซึ่ง *ความคิดเห็น* ของนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า หากมาตรการทางภาษีล่าสุดถูกผนวกเข้ากับการลดดอกเบี้ยนโยบายหรือแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาจจะสร้างแรงหนุนให้ตลาดคริปโตมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะกลางถึงระยะยาว
การบรรเทาความกังวลเรื่องซัพพลายเชนและความขัดแย้งทางการค้า ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ช่วยจุดกระแสความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนกลับมาอีกครั้ง สถานการณ์นี้ช่วยกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศเชิงบวกทั้งในตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0