บิตคอยน์(BTC) ยังคงเผชิญกับแรงกดดันในช่วงตลาดขาลง โดยในระยะหลังได้เผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักจากการ ‘ล้างพอร์ต’ หรือ liquidations ในขณะที่นักเทรดระยะสั้นที่ใช้ ‘เลเวอเรจ’ สูง ต่างถูกบีบให้ขายสินทรัพย์เพื่อปิดสถานะ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวกลับเคลื่อนไหวต่างออกไป โดยถือโอกาสนี้เป็น ‘จังหวะเข้าซื้อ’ ตามรายงานล่าสุดของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนชื่อว่า คริปโตควอนต์(CryptoQuant)
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นักวิเคราะห์ของคริปโตควอนต์ คือ อัมร์ ตาฮา(Amr Taha) ระบุว่า นักลงทุนระยะสั้นที่ใช้เลเวอเรจมากเกินไปได้ ‘หลุดตลาด’ ท่ามกลางแรงเทขายครั้งใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันนักลงทุนระยะยาวกลับเดินหน้าซื้อบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการปรับฐานของราคา
การล้างพอร์ตครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาต่ำกว่า 111,000 ดอลลาร์ หรือราว 152 ล้านบาท ส่งผลให้มีการปิดสถานะบังคับในฝั่ง Long คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 97 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,329 ล้านบาท) จากนั้นราคายังคงร่วงต่อเนื่องต่ำกว่า 109,000 ดอลลาร์ (ราว 149 ล้านบาท) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการล้างพอร์ตเพิ่มเติมอีก 88 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,206 ล้านบาท)
แม้จะมีแรงขายจากเทรดเดอร์ระยะสั้น แต่นักลงทุนสายถือยาวกลับเลือกเดินเกมสวนทาง ด้วยการใช้สถานการณ์นี้เป็น ‘โอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม’ ทำให้ดัชนี ‘มูลค่าตลาดที่รับรู้แล้ว’ หรือ *Realized Cap* ของนักลงทุนกลุ่มนี้ พุ่งแตะระดับ 28,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.8 แสนล้านบาท) ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยดัชนีนี้คำนวณจากราคาที่แต่ละบิตคอยน์เคลื่อนย้ายล่าสุด เป็นการชี้วัดมูลค่าโดยรวมที่ถูกยอมรับ ณ เวลานั้น
อัมร์ ตาฮา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถึงแม้ตลาดจะอยู่ในภาวะตึงเครียด นักลงทุนสายยาวยังคงมั่นคงในกลยุทธ์ของตน ด้วยการสะสมสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง” พร้อมเสริมว่า “กลยุทธ์การซื้อเชิงยุทธศาสตร์เช่นนี้ อาจเป็นรากฐานสำคัญต่อการฟื้นตัวของราคาบิตคอยน์ในอนาคต” นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นว่า นักลงทุนเหล่านี้มีความเข้าใจว่า แม้ตลาดจะผันผวนในระยะสั้น แต่แรงล้างพอร์ตในลักษณะนี้อาจเป็น ‘โอกาสในการสะสม Asset’ มากกว่าจะเป็นสัญญาณให้ขายหนี
ความคิดเห็น 0