ออสติน คิง ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการโอมนิเชน แสดงความเห็นระหว่างงานสัมมนาของริปเปิล(XRP) ที่จัดขึ้นในลาสเวกัสว่า วงการคริปโตจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมชี้ว่าการชัดเจนด้านกฎระเบียบในสหรัฐ และการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันจะเป็นแรงผลักสำคัญ
เขาระบุว่า การเปิดตัวกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ของกลุ่มการเงินขนาดใหญ่อย่างแบล็คร็อกและฟิเดลิตี้ ตลอดจนกลยุทธ์ลงทุนในบิตคอยน์ของไมเคิล เซย์เลอร์ สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวเชิงรุกของภาคสถาบันที่ต้องการมีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้
คิงกล่าวด้วยว่า จุดยืนของธนาคารกลาง หน่วยงานกำกับดูแล และสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยยกตัวอย่างการเข้าซื้อบิตคอยน์มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ของเทสลา(TSLA) และการมีส่วนร่วมของสเปซเอ็กซ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจและการยอมรับในระดับองค์กรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาเสริมว่า เงินทุนจะเริ่มเคลื่อนไปยังโครงการที่สามารถสร้าง ‘ผลกระทบในโลกจริง’ แทนที่โครงการที่เน้นการตลาดเป็นหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเปิดพื้นที่ให้โครงสร้างเครือข่ายที่เน้นการใช้งานจริงมีโอกาสเติบโต
คิงสรุปว่า ‘คริปโต’ กำลังมีบทบาทในการออกแบบระบบการเงินโลกใหม่ และเมื่อการใช้งานขยายตัวพร้อมกับเสถียรภาพที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมคริปโตจะเดินหน้าเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ความคิดเห็น 0