เกิดกระแสถกเถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของ ‘บิตคอยน์ คอร์’ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์หลักของโนดในเครือข่ายบิตคอยน์ โดยแซมซัน โมว์ ซีอีโอของ JAN3 และอดีตประธานฝ่ายกลยุทธ์ของบล๊อกสตรีม ออกมาเตือนว่า *บิตคอยน์ คอร์อาจกลายเป็นตัวแปรเสี่ยงสำคัญของบิตคอยน์(BTC)*
คำเตือนของโมว์เป็นการตอบโต้ความคิดเห็นจากนักพัฒนาบิตคอยน์ เจมส์ โอแบร์น ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าผู้ใช้บิตคอยน์สามารถ ‘ปฏิเสธระบบคอร์’ และดำเนินการตามอิสระได้จริงหรือไม่ โดยเขาให้ความเห็นว่า แนวคิดของเจมสัน ล็อบ ที่กล่าวว่า ‘อธิปไตยคือความเชื่อมั่น’ นั้น *อาจไม่สามารถใช้ได้จริง* เพราะในความเป็นจริงแล้ว *บิตคอยน์ คอร์มีอิทธิพลสูงและยากต่อการเปลี่ยนแปลง*
โอแบร์นชี้ว่า แม้จะมีซอฟต์แวร์ตัวเลือกอื่น แต่บริษัทและผู้ดำเนินโนดส่วนใหญ่ยังใช้ *บิตคอยน์ คอร์* ต่อไป เพราะ *ต้นทุนและความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงนั้นสูงมาก*
ต้นตอของข้อถกเถียงนี้เริ่มต้นจากข้อเสนอทางเทคนิคเมื่อช่วงต้นปี ที่พยายามยกเลิกข้อจำกัดการใช้ OP_RETURN ในธุรกรรมบิตคอยน์จาก 83 ไบต์ เพื่อให้สามารถฝังข้อมูลได้มากขึ้น แต่ข้อเสนอนี้กลับสร้างความไม่พอใจจากฝ่ายที่กังวลเรื่อง *การเกิดสแปมและขยายขนาดของเชนโดยไม่จำเป็น*
ฝั่งผู้สนับสนุนการปรับปรุง เช่น เจมสัน ล็อบ และปีเตอร์ ทอดด์ อ้างว่า แนวทางนี้จะช่วย *กระตุ้นนวัตกรรม* และ *ลบข้อจำกัดที่ไม่ทันสมัย* แต่ฝ่ายที่ต่อต้าน เช่น โมว์ มองว่านี่ไม่ใช่แค่ประเด็นด้านโค้ด แต่เป็นเรื่องของ *กระบวนการตัดสินใจและอิทธิพลภายในเครือข่าย*
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของไคลเอนต์ทางเลือกอย่าง ‘Bitcoin Knots’ เป็นสัญญาณว่าความขัดแย้งดังกล่าว *เริ่มลุกลามเข้าสู่การท้าทายโครงสร้างการกำกับดูแลของบิตคอยน์(BTC)* ในเชิงลึกมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางในอนาคตของระบบอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0