คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ส่งสัญญาณเชิงบวกแก่ตลาดที่มี *อีเธอเรียม(ETH)* เป็นศูนย์กลาง หลังแสดงจุดยืนใหม่ต่อภาค *การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)* ในเวทีโต๊ะกลมคริปโตของคณะทำงานพิเศษเมื่อวันที่ 9 โดยพอล แอตกินส์(Paul Atkins) กรรมาธิการของ SEC กล่าวเน้นว่า “เสรีภาพทางเศรษฐกิจ สิทธิในทรัพย์สิน และนวัตกรรมของอเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของการเคลื่อนไหว DeFi” พร้อมย้ำว่าภาคอุตสาหกรรมนี้สอดคล้องกับคุณค่าหลักของสหรัฐ
คำกล่าวของแอตกินส์เน้นย้ำถึงข้อจำกัดของกฎระเบียบแบบดั้งเดิมซึ่งไม่เหมาะสมกับระบบบล็อกเชนอัตโนมัติ โดยไม่ลืมชี้ให้เห็นถึงแนวทางของรัฐบาลก่อนหน้าที่เคยใช้กระบวนการทางกฎหมายและคำเตือนในการกีดกันผู้มีส่วนร่วมในระบบบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็นนักขุด ผู้ดำเนินการโหนด หรือผู้ให้บริการสเตคกิ้ง
เขายืนยันว่า การมีส่วนร่วมของบุคคลทั่วไปในระบบบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็นนักขุด ผู้รับรองธุรกรรม หรือผู้เผยแพร่โค้ดสเตคกิ้งและกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ถือว่าอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ และไม่ได้เข้าข่ายเป็นการทำหน้าที่นายหน้า คำแถลงนี้สะท้อนการยอมรับอย่างเป็นทางการถึงโครงสร้าง ‘การดำเนินงานอัตโนมัติ’ ของเครือข่ายอย่าง *อีเธอเรียม*
นอกจากนี้ แอตกินส์ยังสั่งการให้มีการจัดทำแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัทที่จดทะเบียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับระบบบล็อกเชนได้ รวมถึงเสนอให้แก้ไขกฎระเบียบเพื่อรองรับระบบการเงิน ‘ออนเชน’ โดยเฉพาะการพิจารณาเพิ่ม ‘ข้อยกเว้นสำหรับนวัตกรรม’ ซึ่งเสนอให้บรรเทากฎเกณฑ์สำหรับโครงการที่มีคุณสมบัติเหมาะสมภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ความคิดเห็นจากหลายฝ่ายชี้ว่าในระยะยาวนโยบายนี้อาจช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ที่ต้องการให้สหรัฐกลายเป็น “เมืองหลวงของคริปโตโลก”
ในมุมมองของเอริก คอนเนอร์(Eric Conner) อดีตนักพัฒนาอีเธอเรียม เขามองว่านี่คือ “ชัยชนะที่ชัดเจนของอีเธอเรียมในแง่ความชัดเจนด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสเตคกิ้ง ความสามารถในการเก็บรักษาทรัพย์สินด้วยตัวเอง และโครงสร้างโอเพ่นซอร์สที่แข็งแกร่ง” พร้อมประเมินว่าสหรัฐอาจกลายเป็นประเทศที่มีแนวปฏิบัติด้านคริปโตที่ชัดเจนที่สุดในโลก
ปัจจุบัน *อีเธอเรียม* ถือเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานของอุตสาหกรรม DeFi โดยมีมูลค่าทรัพย์สินออนเชนรวมกว่า 68,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 94.5 ล้านล้านวอน) หรือคิดเป็น 55% ของตลาดรวม ซึ่งมากกว่าบล็อกเชนอื่นทั้งหมดรวมกัน
ภายหลังจากการประกาศแนวนโยบายล่าสุด ราคาของ *ETH* ก็ได้ตอบสนองทันที โดยในช่วงเช้าวันที่ 10 ตามเวลาเอเชีย ราคาพุ่งขึ้น 8% จากวันก่อนหน้า สู่ระดับ 2,720 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.78 แสนบาท) อย่างไรก็ตาม ราคากลับมาติดแนวต้านเดิมที่เคยเผชิญหลายครั้งตลอดเดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์มองว่าหากต้องการยืนยันการฟื้นตัว ราคาอาจต้องทะลุผ่านระดับ 2,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.89 แสนบาท) ให้ได้
การเดินหน้าผลักดันนโยบายของ SEC ครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างแรงสะเทือนให้กับตลาดในประเทศ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบทบาทของสหรัฐในเวที *คริปโตเคอร์เรนซีโลก*
ความคิดเห็น 0