เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) คณะกรรมาธิการเกษตรแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมาย CLARITY Act ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 47 ต่อ 6 เสียง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ
สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือการกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของทั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) และคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) ให้ชัดเจนว่าหน่วยงานใดกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทใด เพื่อลดความสับสนและความไม่แน่นอนทางกฎหมายต่อผู้ประกอบการและนักลงทุน
จีที ทอมป์สัน(GT Thompson) ประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่าจะส่งร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในลำดับถัดไป และอนุญาตให้คณะกรรมาธิการที่ไม่เห็นด้วยสามารถส่งความเห็นเพิ่มเติมได้จนถึงวันศุกร์นี้ เพื่อให้กระบวนการอภิปรายร่างกฎหมายยังเปิดกว้างอยู่
ในวันเดียวกันนั้น ยังมีการหารือเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมอีกฉบับภายใต้คณะกรรมาธิการบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎร เนื้อหาของร่างแก้ไขดังกล่าวระบุถึงการเพิ่มข้อคุ้มครองต่อผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าไปในเนื้อหาของ CLARITY Act แต่ยังไม่ได้เข้าสู่การลงคะแนนเสียง
ผู้เสนอร่างกฎหมาย CLARITY ชี้ว่าหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือการกำหนด ‘มาตรฐานการดำเนินงานที่ชัดเจน’ สำหรับบริษัทคริปโตในสหรัฐฯ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจำแนกความรับผิดชอบระหว่าง SEC และ CFTC สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบต่าง ๆ เพื่อลดความคลุมเครือทางกฎหมาย ซึ่งจะสร้าง ‘ความสามารถในการคาดการณ์ทางกฎหมาย’ ให้ทั้งธุรกิจและนักลงทุน
ร่าง CLARITY ถูกเสนอเข้าสู่สภาฯ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในขณะที่วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมลงมติร่างกฎหมายอีกฉบับชื่อ ‘GENIUS’ ที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์เพื่อใช้ในการชำระเงินโดยเฉพาะ
การเคลื่อนไหวด้านนโยบายของพรรครีพับลิกันนี้สอดรับกับท่าทีที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมคริปโตของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งอีกสมัย หนุนให้การบูรณาการสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินสหรัฐฯ เดินหน้าไปอย่างเป็นรูปธรรม
หากร่างกฎหมาย CLARITY ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดได้สำเร็จ จะถือเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญของกรอบกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐฯ ที่จะมีความชัดเจนและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ความเห็น: การจัดระเบียบอำนาจกำกับดูแลของ SEC และ CFTC อย่างชัดเจนอาจช่วยให้สหรัฐฯ กลับมามีบทบาทนำในวงการคริปโตระดับโลกอีกครั้ง.
ความคิดเห็น 0