ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลง 1.7% ภายใน 24 ชั่วโมง หลังไม่สามารถทะลุระดับ 108,000 ดอลลาร์ (ราว 15.01 ล้านบาท) ส่งผลให้แรงขายในตลาดเริ่มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาคือความหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ลดน้อยถอยลง
ตามข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ บิทสแตมป์(Bitstamp) บ่งชี้ว่า ท่ามกลางแรงเก็งกำไรที่ดูจะหมดแรง บิตคอยน์ยังถูกกดดันจากการไม่สามารถทะลุระดับแนวต้านสำคัญได้ในหลายครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
ตลาดเริ่มไม่คาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการ FOMC วันที่ 18 มิถุนายนนี้ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานและการบริโภคในสหรัฐยังแข็งแกร่ง ความ ‘กังวล’ ว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวจึงส่งผลให้ภาพรวมของตลาดคริปโตเริ่มอ่อนไหว
ระดับราคาสำคัญที่นักลงทุนจับตามองในตอนนี้คือ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.73 ล้านบาท) หากราคาหลุดระดับนี้ลงไป การปรับตัวลงอย่างรุนแรงในระยะสั้นอาจเกิดขึ้น ความผันผวนจากนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐยังเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญ และหลายสายตากำลังจับตาดูว่า บิตคอยน์จะสามารถ ‘ป้องกันแนวรับหลัก’ ได้หรือไม่
ความคิดเห็น: ทิศทางระยะสั้นของบิตคอยน์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยมหภาคและสัญญาณจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค หากเฟดยังคงใช้นโยบายตึงตัวต่อเนื่อง ความผันผวนอาจเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจึงควรระมัดระวังในการซื้อขายช่วงนี้
ความคิดเห็น 0