พรรคฝ่ายค้านรายใหญ่ของสาธารณรัฐเช็กกำลังเดินหน้าเสนอญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล อันเนื่องมาจากข้อกล่าวหาทุจริตเกี่ยวกับการขายบิตคอยน์(BTC) โดยอ้างถึงความผิดพลาดในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้มาจากผู้กระทำความผิดในคดีอาญาเมื่อปี 2017 ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในเชิงจริยธรรมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
แอลีนา ชิลเลอโรวา(Alena Schillerova) รองหัวหน้าพรรค ANO โพสต์ข้อความผ่าน X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 30 ว่า “รัฐบาลได้สูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชนไปแล้ว” พร้อมยืนยันว่า “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ” โดยจะมีการลงคะแนนเสียงในวันอังคารที่จะถึงนี้ แม้รัฐบาลผสมชุดปัจจุบันประเมินว่าญัตติดังกล่าวมีโอกาสไม่ผ่าน แต่กระแสความไม่พอใจที่เกิดจากกรณีนี้ยังคงสั่นสะเทือนวงการการเมืองเช็กอย่างรุนแรง
จุดเริ่มต้นของประเด็นขัดแย้งมาจากรายงานของกระทรวงยุติธรรมเช็กซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ระบุว่า ได้ดำเนินการขายบิตคอยน์จำนวนราว 500 BTC ซึ่งยึดได้จาก โทมาช ยิริคอฟสกี นักค้าสารเสพติดและผู้ดำเนินการตลาดมืดออนไลน์ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฟอกเงินและลักลอบค้าอาวุธเมื่อปี 2017 โดยได้รายได้รวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านโครูน่าเช็ก (ประมาณ 630 ล้านบาท) จากการประมูล
อย่างไรก็ตาม พรรครัฐบาลถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากในเอกสารทางการระบุว่าทรัพย์สินบิตคอยน์ดังกล่าวเป็น ‘การบริจาค’ ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นจุดที่น่าสงสัยและอาจปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มาของสินทรัพย์ นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการใช้เงินที่ได้จากการขายบิตคอยน์ดังกล่าว
‘ความไม่โปร่งใส’ จากรัฐบาลชุดนี้จึงสร้างข้อกังขาเกี่ยวกับระบบการจัดการคริปโตโดยภาครัฐ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์จากอาชญากรรม การโยงประเด็นนี้เข้ากับเรื่อง ‘คอร์รัปชัน’ ยังเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลในเวทีการเมืองยุโรป ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจกลายเป็นกรณีศึกษาในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศต่างๆ ในอนาคต
ความคิดเห็น: *การจัดการบิตคอยน์ที่ยึดจากผู้ต้องหาอาจกลายเป็นเครื่องทดสอบความโปร่งใสของรัฐบาลในยุคดิจิทัล* โดยเฉพาะเมื่อ ‘สินทรัพย์เข้ารหัส’ กำลังกลายเป็นรูปแบบใหม่ของทรัพย์สินทางกฎหมายและการเมืองทั่วโลก
ความคิดเห็น 0