บิตคอยน์(BTC) เผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดราคาดิ่งลงแตะระดับ 102,650 ดอลลาร์บนแพลตฟอร์มไบแนนซ์ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่อิหร่าน ส่งผลให้นักลงทุนวิตกอย่างหนัก ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 5% เหตุการณ์ในครั้งนี้กระตุ้นการถกเถียงถึง ‘โอกาสซื้อ’ บนพื้นฐานสถิติในอดีต ซึ่งชี้ว่า บิตคอยน์มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤติเชิงภูมิรัฐศาสตร์
อันเดร ดราโกช(André Dragosch) หัวหน้าฝ่ายวิจัยยุโรปของบิทไวส์(Bitwise) เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า เมื่อพิจารณาข้อมูลจากเหตุการณ์ความขัดแย้งสำคัญ 20 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2010 พบว่าราคาบิตคอยน์โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง *64.6%* หลังเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ในระยะสั้น หากพิจารณาเฉพาะช่วง 50 วัน พบอัตราการฟื้นตัวเฉลี่ยอยู่ที่ *17.3%* ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเข้าซื้อตอนราคาย่อตัว
แม้บิตคอยน์จะยังซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาล แต่เมื่อดูดัชนี *Puell Multiple* ซึ่งเปรียบเทียบมูลค่าตลาดกับรายได้ของนักขุด กลับพบว่ายังคงอยู่ในโซน ‘ต่ำกว่ามูลค่า’ สะท้อนว่าตลาดยังไม่ร้อนแรงจนเกินไป และสถาบันการเงินอาจยังอยู่ระหว่างการสะสมเหรียญอย่างเงียบๆ ในมุมมองระยะยาว
คำว่า ‘สินทรัพย์ปลอดภัยทางดิจิทัล’ หรือ ‘ดิจิทัลทองคำ’ กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในภาวะโลกไร้เสถียรภาพ หลายเสียงชี้ว่าในอดีต บิตคอยน์และทองคำมักปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกัน เมื่อเกิดความขัดแย้งทางทหารหรือการเมือง นั่นอาจสะท้อนความเป็นไปได้ในการอยู่ร่วมกันของสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและคริปโต
ขณะเดียวกัน การที่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับสู่เวทีเลือกตั้งอาจเพิ่มความไม่แน่นอนในระดับโลก นักลงทุนจึงควรจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก *ความผันผวนเชิงภูมิรัฐศาสตร์* มีแนวโน้มส่งผลโดยตรงต่อทิศทางราคาบิตคอยน์ในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0