ทรัมป์ขายหุ้น 20% ในบริษัทคริปโต WLF อย่างลับ ๆ ท่ามกลางแรงกดดันการเมือง

ทรัมป์และครอบครัวขายหุ้น 20% ในบริษัทคริปโต WLF อย่างเงียบ ๆ

สื่อท้องถิ่นสหรัฐรายงานว่า ครอบครัวของทรัมป์ได้ขายหุ้น *20%* ในบริษัทคริปโตชื่อ *เวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล(WLF)* อย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของผู้ซื้อหรือเงื่อนไขการซื้อขาย ขณะที่บริษัทแม่อย่าง *ดีทีมาร์คส์ดีไฟ (DT Marks DEFI LLC)* ได้ปรับปรุงเว็บไซต์เล็กน้อยเพื่อสะท้อนการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นจาก *60% เหลือ 40%*

การขายหุ้นครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในโครงการ WLF ที่จุดกระแสทั้งในวงการเมืองและตลาดคริปโต โดย *ทรัมป์* ได้เปิดตัวโครงการนี้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเดือนกันยายน 2024 และประกาศว่าจะเป็น ‘การปฏิวัติด้านการเงิน’ ขณะนั้น โครงการได้ระดมทุนกว่า *590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* ผ่านการขายโทเคน *WLFI* จำนวน *25 พันล้านโทเคน*

ในช่วงเริ่มต้น ทรัมป์ถือหุ้นในนามส่วนตัว *100%* ก่อนจะถ่ายโอนไปยังบุตรชายทั้งสาม ได้แก่ *โดนัลด์ จูเนียร์, อีริค และบาร์รอน* ผ่านบริษัทลูก 3 แห่ง ทำให้ตระกูลทรัมป์ถือหุ้นรวมกันกว่า *75%*

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2025 ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์และครอบครัวเริ่มถอนทุนจากโครงการ โดยขายโทเคน WLFI เป็นเงินสดถึง *200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ *60%* ในช่วงเวลาเดียวกัน *จัสติน ซัน* ผู้ก่อตั้ง *ทรอน(TRX)* ได้เข้าลงทุน *75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* พร้อมกลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของโครงการ จากนั้น WLF ได้เปิดตัว *เหรียญสเตเบิลคอยน์ USD1* ที่ผูกกับเงินดอลลาร์

เหรียญ USD1 ยังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจระหว่างประเทศ เมื่อบริษัทลงทุนจาก *อาบูดาบี MGX* ใช้เหรียญดังกล่าวในการเสนอซื้อหุ้นของ *ไบแนนซ์* มูลค่า *200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ*

แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็ก่อให้เกิดข้อวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ *พรรคเดโมแครต* บางส่วนที่มองว่าการลงทุนของจัสติน ซัน อาจเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลของรัฐบาล ส่งผลให้มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบและเปิดเผยรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (SAR) ที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์

มีการประเมินว่าการลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทแม่ในครั้งนี้ อาจเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับแรงกดดันทางการเมืองและการกำกับดูแลที่รุนแรงขึ้นในอนาคต โดยนักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า *DT Marks DEFI* อาจมีแผนขายหุ้นที่เหลือเพิ่มเติม ขณะที่ชื่อของนักลงทุนหรือผู้ซื้อรายใหม่ยังไม่มีการเปิดเผย ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้ตลาดจับตามองการเคลื่อนไหวของ WLF อย่างใกล้ชิดอีกครั้ง