บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ ‘10 หมื่นดอลลาร์’ ซึ่งเป็นจุดจิตวิทยาสำคัญ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่มีมุมมองหลากหลายต่อ 'จุดสูงสุด' ของรอบขาขึ้นในครั้งนี้ ล่าสุด แฮดลีย์ สเติร์น(Hadley Stern) แห่งมาริเนดไฟแนนซ์ แสดงความเห็นว่า “เรื่อง 10 หมื่นดอลลาร์มันน่าเบื่อแล้ว” พร้อมระบุว่า ตอนนี้บิตคอยน์ควร ‘ทะลุระดับ’ ดังกล่าวให้ได้
สเติร์น กล่าวผ่านพอดแคสต์ชื่อ Milk Road ว่า ในรอบนี้บิตคอยน์อาจพุ่งสูงสุดถึงระดับ *16 หมื่นดอลลาร์* โดยมองว่าเป้าหมายระยะยาวที่มีความเป็นไปได้คือ *12 หมื่นดอลลาร์* สำหรับแนวโน้มอันร้อนแรงที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะวิ่งแตะ *100 หมื่นดอลลาร์* หรือมากกว่า สเติร์นมองว่าแม้จะเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น แต่ *16 หมื่นดอลลาร์* เป็นขอบเขตบนที่ ‘สมเหตุสมผลมากกว่า’
เขาเน้นด้วยว่า ระดับ ‘10 หมื่นดอลลาร์’ อาจกลายเป็นแนวต้านสำคัญ เช่นเดียวกับที่ ‘1 หมื่นดอลลาร์’ เคยเป็นกำแพงใหญ่ในอดีต ทำให้ราคามีโอกาส ‘แกว่งตัวอยู่ในกรอบ’ ดังเดิม เขากล่าวว่า “เมื่อราคาไปถึงระดับที่ตลาดให้ความสำคัญ การพักฐานนานถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งกำลังเกิดซ้ำอีกครั้ง”
ความเคลื่อนไหวจากสถาบันการเงินใหญ่ยังเป็นอีกแรงผลักดันที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน *ETF บิตคอยน์* หรือการเข้าซื้อของบริษัทเทคโนโลยีอย่างไมโครสแตรทีจี ปัจจุบันปริมาณที่ ETF ถือครองนั้น ‘แตะประมาณ 6% ของอุปทานบิตคอยน์ทั้งหมด’ ซึ่งถือเป็น *ปัจจัยหนุนระยะยาว* ในมุมมองของเขา
แม้มีนักวิเคราะห์บางคนยังเชื่อว่า บิตคอยน์อาจ ‘วิ่งทะลุถึง 20 หมื่นดอลลาร์’ แต่ตลาดในช่วงนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สเติร์นจึงย้ำว่า แทนที่จะคาดหวังอย่างไร้ขอบเขต การตั้งเป้าที่ *16 หมื่นดอลลาร์* อาจเป็น ‘แนวทางที่สมดุล’ สำหรับนักลงทุนในเวลานี้
ในเชิงเทคนิค ราคาบิตคอยน์ยังยืนอยู่ใน ‘กรอบขาขึ้น’ อย่างมั่นคง โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ *10 หมื่น 7,900 ดอลลาร์* และนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งชี้ไปที่กรอบเป้าหมายถัดไปคือ *13 หมื่นดอลลาร์* อย่างไรก็ตาม กรอบแนวรับในระยะสั้นอยู่ที่ *10 หมื่น - 10 หมื่น 4,000 ดอลลาร์* หากสามารถประคองบริเวณนี้ไว้ได้ อาจเป็นฐานสำหรับ ‘การทะยานต่อ’
ในทางกลับกัน หากราคาหลุดระดับดังกล่าว โอกาสที่จะย่อตัวลงสู่ระดับ *9 หมื่น 1,000 - 9 หมื่น 5,000 ดอลลาร์* ก็ยังไม่สามารถตัดทิ้งได้เช่นกัน ซึ่งอาจสร้างแรงขายหากตลาดไม่สามารถ ‘ยืนเหนือระดับสำคัญ’ ได้
ในช่วงที่บิตคอยน์เดินหน้าสู่จุดสูงสุดของรอบขาขึ้นนี้ นักลงทุนอาจต้องลดความคาดหวังที่เกินจริง และหันมาโฟกัสที่ *แผนการลงทุนที่มีเหตุผลและยืดหยุ่น* แทนที่จะไล่ตามการคาดการณ์ที่อาจไม่เกิดขึ้นจริง
ความคิดเห็น 0