ข้อพิพาทระหว่างริปเปิล(XRP) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนล่าสุด เมื่อผู้พิพากษาอนาลิซา ตอร์เรส(Analisa Torres) ปฏิเสธคำร้องร่วมของทั้งสองฝ่ายที่ต้องการลดค่าปรับและยกเลิกคำสั่งห้ามอย่างถาวร โดยให้เหตุผลว่าคำร้องดังกล่าวเป็นความพยายามกลับคำตัดสินก่อนหน้านี้ และย้ำว่า ‘การตกลงกันส่วนตัว’ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของศาลได้ จุดยืนของศาลยังคงชัดเจนว่า ‘เอ็กซ์อาร์พี(XRP) ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์’ ตามคำตัดสินก่อนหน้านี้ ทำให้การต่อสู้ในทางกฎหมายยังคงอยู่ในความสนใจว่าจะจบลงอย่างไร
สจวร์ต อัลเดอโรตี(Stuart Alderoty) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของริปเปิลกล่าวว่า “ตอนนี้ลูกบอลกลับมาอยู่ฝั่งของเราอีกครั้ง” พร้อมเสริมว่าบริษัทต้องตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งห้ามหรือจะยุติการอุทธรณ์ ซึ่งไม่ว่าเลือกทางไหน ‘เอ็กซ์อาร์พี’ ยังไม่ใช่หลักทรัพย์ตามกฎหมายอยู่ดี
ในขณะที่จอห์น ดีตัน(John Deaton) ทนายความสายคริปโตชื่อดัง ชี้ว่า SEC อ้างบทกฎหมายที่ไม่ตรงประเด็นอย่างชัดเจน พร้อมวิจารณ์ว่าไม่มีเหตุพิเศษใดที่สามารถทำให้ศาลยกเลิกคำตัดสินก่อนหน้าได้ โดยระบุว่า “SEC ไม่สามารถแสดงเหตุผลที่มีน้ำหนัก และก็ไม่มีเงื่อนไขพิเศษอะไร” ส่วนผู้พิพากษาตอร์เรสได้ย้ำว่า คำร้องของทั้งสองฝ่ายนั้น ‘ไม่เข้าเกณฑ์’ สำหรับการยกเลิกคำสั่งเดิม ดีตันยอมรับว่าเขาเคยประเมินว่าศาลน่าจะปฏิเสธคำขอในสัดส่วนต่ำกว่า 30% เท่านั้น ก่อนกล่าวต่อว่าคำตัดสินในครั้งนี้เป็น “ตัวอย่างของการที่ศาลยึดหลักกฎหมายอย่างแท้จริง” และเน้นว่าสิ่งสำคัญคือศาลต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยของเวนเชอร์ส, เซลเซียส และเอฟทีเอ็กซ์
ด้านเฟร็ด รีสโปลี(Fred Rispoli) นักกฎหมายสายคริปโตอีกคน วิเคราะห์ว่าริปเปิลกับ SEC อาจตกลงยุติคดีโดยไม่อุทธรณ์ พร้อมรับโทษปรับราว 50 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 695 ล้านบาท) เขาคาดว่า SEC อาจให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้มาตรการจำกัดเพิ่มเติมอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการต่อริปเปิลอีกในอนาคต ถึงแม้ว่าคำสั่งห้ามยังมีผลทางกฎหมายอยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ SEC จะนำมาใช้จริง
คำตัดสินครั้งนี้จึงอาจเป็นจุดชี้วัดว่าเรื่องจะถูกอุทธรณ์ต่อไปหรือสิ้นสุดด้วยข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม อย่างน้อย ‘เอ็กซ์อาร์พี’ ก็ยังคงรักษาสถานะทางกฎหมายในสหรัฐฯ ว่า ‘ไม่ใช่หลักทรัพย์’ ได้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น 0