บิตคอยน์(BTC) ยังคงไม่สามารถเข้าใกล้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินแบบดั้งเดิมได้ ทำให้นักลงทุนเริ่มจับตาสถานการณ์นี้มากยิ่งขึ้น เมื่อล่าสุดดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,175 จุด แต่ในวันเดียวกัน *บิตคอยน์กลับปรับตัวลดลง* ส่งผลให้เกิดภาพ ‘ไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน’ หรือ *ดีคัปปลิง* (Decoupling) ระหว่างสองตลาดอย่างชัดเจน
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา *บิตคอยน์เคลื่อนไหวคล้ายกับสินทรัพย์เสี่ยง* เช่น หุ้นเทคโนโลยีในแนสนแด็กหรือตลาดรวมอย่าง S&P 500 แต่ครั้งนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายผู้บริโภคพื้นฐาน (Core PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสะท้อน ‘ความกังวลด้านเงินเฟ้อ’ กลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีรายได้สุทธิจริงจะลดลง 0.7% และการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง 0.3% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับยังขยับขึ้นต่อเนื่อง อิงจากกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่และภาคอุตสาหกรรม-ค้าปลีกที่แข็งแกร่ง
ในทางกลับกัน กลับเห็นพฤติกรรมที่น่าสนใจในตลาดคริปโต โดยเฉพาะ *บิตคอยน์ที่มีแรงซื้อไม่มากในตลาดสปอต* แต่กิจกรรมในตลาดอนุพันธ์กลับเพิ่มขึ้นแทน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง ‘การเก็งกำไร’ มากกว่าความต้องการซื้อจริง ตามข้อมูลล่าสุดจาก ไบแนนซ์(Binance) พบว่าก่อนหน้าการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อ มีคำสั่งขายในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่า บิตคอยน์อาจเริ่ม ‘หลุดพ้นจากกรอบเดิม’ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวสะท้อนภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะกลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า *คริปโตสามารถมีทิศทางของตัวเองได้หรือไม่* โดยไม่ต้องผูกติดกับตลาดหุ้น
*ความคิดเห็น:* การแยกตัวของตลาดในลักษณะนี้อาจกลายเป็น ‘ตัวชี้วัดความรู้สึกของนักลงทุน’ ที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มมีโอกาสกลับมาชิงตำแหน่งอีกครั้ง นำมาซึ่งความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งยิ่งทำให้ ‘คริปโตอาจถูกใช้เป็นทางเลือก’ ท่ามกลางความไม่ชัดเจน
เมื่อมองภาพรวมในขณะนี้ จะเห็นได้ชัดว่า *บิตคอยน์เคลื่อนไหวแยกจากดัชนี S&P 500 ในระยะสั้น* แต่สิ่งที่ยังไม่สามารถฟันธงได้ก็คือ นี่คือสัญญาณของแนวโน้มใหม่ หรือเป็นแค่จุดเบี่ยงชั่วคราวเพียงเท่านั้น สิ่งที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือ นักลงทุนเริ่มมองคริปโตด้วยมุมมองใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบริบทของตลาดในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0