ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้บริหารของบริษัทสแตรทิจี (Strategy) หรือชื่อเดิมไมโครสแตรทิจี ได้รับความสนใจจากวงการคริปโตอีกครั้ง หลังจากเปิดเผยว่าบริษัทสามารถทำกำไรจากการซื้อขายบิตคอยน์(BTC) ได้สำเร็จถึง 20 ครั้งจากทั้งหมด 21 รายการในปีนี้ กลายเป็นหนึ่งในพอร์ตการลงทุนที่ให้ *ผลตอบแทนดีที่สุด* ท่ามกลางช่วงเวลาอันยากลำบากของตลาดคริปโต
เซย์เลอร์ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ *การซื้อเฉลี่ยแบบต่อเนื่อง (DCA)* โดยเน้นการเข้าซื้อเมื่อมีโอกาส มากกว่าการคาดการณ์ความผันผวนของราคา เขาเคยกล่าวว่า “ถ้าบิตคอยน์ดี สแตรทิจีก็ดี” โดยบริษัทเดินหน้าซื้อเพิ่มไม่ว่าจะอยู่ที่ระดับราคา 82,000 ดอลลาร์ หรือ 105,000 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ซึ่งระบุว่าการซื้อเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนกลายเป็นกำไรในภายหลัง
จุดที่น่าสนใจ คือเมื่อต้นปีในช่วงที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลง -1.7% และบรรยากาศตลาดอยู่ในภาวะ ‘หดหู่สุดขีด’ เซย์เลอร์กลับซื้อต่อโดยไม่ลังเล ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน กลยุทธ์นี้ก็สร้างผลกำไรกลับมาอีกครั้ง ตอกย้ำทั้งความมั่นใจและวินัยในการลงทุนที่หาได้ยากในตลาดสินทรัพย์ผันผวนอย่างคริปโต
ณ ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวบริเวณ 107,000 ดอลลาร์ โดยทางเทคนิคแล้ว กำลังถูกกดดันจาก *แนวต้านขาลง* แต่เซย์เลอร์เลือกที่จะ *ละเลยการคาดการณ์รายวัน* ด้วยความเชื่อว่าการลงทุนระยะยาวอย่างมีระบบจะให้ผลลัพธ์เหนือกว่า
แม้ในช่วงที่อัลท์คอยน์แสดงผลตอบแทนที่ย่ำแย่ และโทเคนกลุ่มมีมถูกเทขายจนล่มสลาย เซย์เลอร์ยังลงทุนเฉพาะในบิตคอยน์เท่านั้น ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่พิสูจน์ผลลัพธ์ที่แท้จริง ท่ามกลางสถานการณ์ที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรด้วยเลเวอเรจจำนวนมากถูกบีบให้ปิดสถานะ
แม้แนวคิด “สายตาเลเซอร์” ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการยึดมั่นในบิตคอยน์ของเซย์เลอร์จะมีทั้งคนรักและคนแอนตี้ แต่สิ่งที่ยังคงชัดเจนคือ *อัตราความสำเร็จมากกว่า 95%* ซึ่งเป็นระดับผลตอบแทนที่แม้แต่นักลงทุนสถาบันเองยังยากจะหาได้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นขนาดนี้ ปี 2025 อาจเป็นปีที่ไมเคิล เซย์เลอร์ถูกยกให้เป็น *เทรดเดอร์บิตคอยน์ที่เก่งที่สุดแห่งปี* ก็ไม่เกินจริง
ความคิดเห็น 0