ความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์(BTC)ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเริ่มแสดงรูปแบบซ้ำกับช่วงก่อนหน้าที่ราคาพุ่งแรง ทำให้ความคาดหวังต่อริปเปิล(XRP) กลับมาอีกครั้ง นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า หากบิตคอยน์สามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 50% ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ริปเปิลอาจสร้างผลตอบแทนมหาศาลเช่นเดียวกับต้นปี 2024 ที่ผ่านมาได้อีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนถึง 20 มกราคม บิตคอยน์ปรับตัวจาก 67,800 ดอลลาร์ขึ้นไปสูงสุดที่ 102,000 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นราว 50% ภายในเวลาเพียง 77 วัน ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาของริปเปิลพุ่งจาก 0.50 ดอลลาร์เป็น 3.09 ดอลลาร์ หรือพุ่งขึ้นกว่า 518% มูลค่าตลาดของริปเปิลในปัจจุบันอยู่ที่ราว 129,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 6% ของมูลค่าตลาดของบิตคอยน์ที่มีอยู่ราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนจำนวนมากคาดว่า XRP อาจพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง คือการกลับมาของตลาดขาขึ้นของบิตคอยน์ เทรดเดอร์ชื่อดังอย่างปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt) ประเมินว่าในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนนี้ BTC อาจปรับเพิ่มขึ้นอีก 50% ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินระดับโลกอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด, แกล럭ซีดิจิทัล และอาร์คอินเวสต์ ก็คาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2025 หากแนวโน้มนี้เกิดขึ้นจริง โอกาสที่ราคาของริปเปิลจะพุ่งขึ้นระดับสามหลัก ‘เปอร์เซ็นต์’ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นใน XRP คือความคืบหน้าในคดีระหว่างริปเปิลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) โดยในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ผู้พิพากษาอันนาลิซา ตอร์เรส มีคำตัดสินว่า การขาย XRP บนแพลตฟอร์มซื้อขายไม่ได้เข้าข่ายเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ ล่าสุดฝ่าย SEC ที่อยู่ภายใต้การบริหารของทรัมป์ ได้แสดงท่าทีอ่อนลงต่อคริปโต พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอลดค่าปรับให้กับริปเปิล แต่ถูกปฏิเสธโดยศาล ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของคดีนี้กลับยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
ในด้านเทคโนโลยี ริปเปิลยังคงปรับปรุงแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการเปิดตัวเหรียญสเตเบิลหลายตัวบนบล็อกเชน XRP เลเจอร์ อาทิ USDC, XSGD, EURØP, RLUSD และ USDB ซึ่ง XRP จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงสภาพคล่องและช่วยให้การชำระเงินเสร็จสิ้นในเวลารวดเร็ว
นอกจากนี้ ริปเปิลยังได้จับมือกับวอร์มโฮล (Wormhole) เพื่อขยายการใช้งาน XRP ไปยังแอปกระจายศูนย์กว่า 200 รายการ บนบล็อกเชนมากกว่า 35 เครือข่าย การร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการทำงานข้ามเครือข่าย (cross-chain interoperability) ให้กับ XRP และเพิ่มบทบาทในโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อย่างมีนัยสำคัญ
ในระยะยาว กลยุทธ์ใหญ่ของริปเปิลคือการเข้าแทนที่บางส่วนของระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ SWIFT โดยซีอีโอ แบรด การ์ลิงเฮาส์ ย้ำวิสัยทัศน์นี้ในการประชุม ‘XRP APEX 2025’ ที่จัดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน กล่าวว่า “ริปเปิลมีศักยภาพที่จะครองส่วนแบ่งของตลาดสภาพคล่องของ SWIFT ได้ถึง 14% ภายใน 5 ปี” ซึ่งเป็นไปได้ หากพิจารณาว่า SWIFT ใช้เวลาโอนเงินเฉลี่ย 1-5 วัน และค่าธรรมเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อรายการ ขณะที่โซลูชันของริปเปิลใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 5 วินาที และค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.1 เซนต์
ด้วยแรงหนุนจากทิศทางบวกของบิตคอยน์ ความชัดเจนทางกฎหมาย เทคโนโลยีที่พัฒนาไม่หยุด และกลยุทธ์การเจาะตลาดการชำระเงินระดับโลก ริปเปิลกำลังก้าวเข้าสู่จุดที่อาจสามารถจุดประกาย ‘แท่งเทียนมหัศจรรย์’ หรือที่เรียกกันว่า ‘God Candle’ ได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
ความคิดเห็น 0