แม้จะมีสถาบันการเงินและบริษัทจำนวนมากเข้าซื้อบิตคอยน์(BTC)อย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มราคาของบิตคอยน์ยังคงไม่สามารถพุ่งขึ้นได้ตามคาดการณ์ ล่าสุด ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดส์(Charles Edwards) นักวิเคราะห์คริปโตและผู้ก่อตั้งบริษัทแคปริโอล อินเวสต์เมนท์(Capriole Investments) ได้แสดงความเห็นว่า แรงขายจากนักลงทุนที่ถือครองมายาวนานเป็นสาเหตุหลักที่กดดันราคาขาขึ้นในเวลานี้
เมื่อวันที่ 24 เอ็ดเวิร์ดส์โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยชี้ว่า “แม้นักลงทุนสถาบันจะกำลังเข้าซื้อบิตคอยน์ด้วยความรู้สึกกลัวว่าจะพลาดโอกาส (FOMO) แต่ราคากลับชะลอตัวที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 ล้านบาท)” ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นผลจากการที่กลุ่มนักลงทุนรุ่นบุกเบิก หรือที่เรียกกันว่า ‘บิตคอยน์ OG’ กำลังขายเหรียญและลดพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
เอ็ดเวิร์ดส์ระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากกองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตเริ่มเปิดให้ซื้อขายเมื่อเดือนมกราคม 2024 กลุ่มผู้ถือครองบิตคอยน์ระยะยาวก็เริ่มเทขายมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านอุปทานอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือรายใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินคริปโตของบริษัทจดทะเบียนในงบดุลของพวกเขา
นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ดส์ยังกล่าวว่า “จำนวนบิตคอยน์ที่ถูกซื้อโดยกลุ่มผู้ถือครองรายใหม่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีมากพอที่จะชดเชยปริมาณที่นักลงทุนระยะยาวขายออกมาตลอดช่วง 1 ปีครึ่ง” แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนถ่ายระหว่างนักลงทุนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในตลาด
ในระยะสั้น ความสนใจของตลาดยังคงจับตาว่า ‘สงครามทางอุปทาน’ ระหว่างนักลงทุนเก่ากับนักลงทุนใหม่จะคลี่คลายเมื่อใด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นของราคาบิตคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0