บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะระดับประมาณ 107,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.87 ล้านบาททันทีหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเปิดทำการเมื่อวันที่ 30 ซึ่งสร้างความตึงเครียดในหมู่ผู้ลงทุนคริปโตอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กลับมองว่าสถานการณ์นี้อาจพลิกกลับขึ้นได้ในไม่ช้า เนื่องจากมีสัญญาณของ *‘ชอร์ตสควีซ’* ที่กำลังเกิดขึ้นจากการเปิดสถานะขาย(short position) ในระยะสั้นมากเกินไป
ผู้เล่นในตลาดให้ความสำคัญกับแนวต้านหลักของบิตคอยน์ที่ราคาปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้ โดยเฉพาะก่อนจะสิ้นสุดการนับรอบเดือนและรอบไตรมาส หากสามารถทะลุเส้นแนวต้านระยะยาวซึ่งก่อตัวขึ้นตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นอาจเป็น *สัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค* ที่ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นได้
อีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดคือ กระแสข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) อาจถูกเปลี่ยนตัว ซึ่งนำมาสู่การคาดการณ์ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลง หรือนโยบายการเงินอาจผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ เป็น *ความคิดเห็น* ที่ว่า ความเปลี่ยนแปลงใน Fed อาจส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี
ขณะเดียวกัน ความหวังต่อการชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ก็มีอิทธิพลต่อบรรยากาศการลงทุนเช่นกัน โดยเขามีท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน หากกลับมาบริหารประเทศอีกครั้งอาจนำมาซึ่ง *การผ่อนคลายกฎระเบียบ* ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และอาจดึงดูดเงินทุนไหลเข้าตลาดมากขึ้น
ในช่วงเวลานี้ บิตคอยน์กำลังทรงตัวท่ามกลาง *สภาพคล่องที่สูง* ในสมุดคำสั่งซื้อและขาย หากสามารถฝ่าแนวต้านที่สำคัญ ราคาก็มีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการที่แรงขายระยะสั้นแห่ปิดสถานะ ส่งผลให้เกิดชอร์ตสควีซ นักลงทุนจึงจับตา *ระดับราคาสำคัญ* ที่อาจก่อให้เกิดแรงซื้อกลับอย่างรวดเร็ว และพลิกแนวโน้มของตลาดในทันที
ความคิดเห็น 0