บริษัทเกรย์สเกล(Grayscale) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้รับ ‘การอนุมัติ’ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้เปลี่ยนกองทุนดิจิทัลขนาดใหญ่ (Digital Large-Cap Fund) ของตนให้กลายเป็นกองทุนรวมดัชนี (ETF) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวอเมริกันสามารถลงทุนในคริปโตหลายชนิดผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น
กองทุนดังกล่าวอิงตามดัชนี ‘CoinDesk Five Index’ ซึ่งรวบรวมคริปโตเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกตามมูลค่าตลาด โดยในพอร์ตการลงทุนล่าสุดนั้น *บิตคอยน์(BTC)* มีสัดส่วนสูงถึง 80.2% ตามด้วย *อีเธอเรียม(ETH)* 11.3%, *โซลานา(SOL)* 2.7%, *ริปเปิล(XRP)* มากกว่า 4.8% และ *คาร์ดาโน(ADA)* 0.81% ทั้งนี้สัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละชนิดจะถูกกำหนดตามมูลค่าตลาดและมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพตลาดในแต่ละช่วงเวลา
นักลงทุนในกองทุนของเกรย์สเกลจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้าง ETF อย่างชัดเจน กล่าวคือ ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาสินทรัพย์ซื้อขายในราคาที่สูงหรือต่ำกว่ามูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ (NAV) ซึ่งเป็นคำวิจารณ์หลักของผลิตภัณฑ์แบบ Trust ของเกรย์สเกลในอดีต นักลงทุนจำนวนมากเคยใช้กลยุทธ์ส่วนต่างระหว่างราคากับ NAV เพื่อเก็งกำไร แต่โครงสร้างของ ETF จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง ‘พรีเมียม’ และ ‘ดิสเคานต์’ ทำให้การซื้อขายมี ‘สภาพคล่อง’ และมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
*ความคิดเห็น:* การอนุมัติในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความสนใจในคริปโตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ *ประธานาธิบดีทรัมป์* มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายคริปโตของสหรัฐ ผนวกกับแนวโน้มการอนุมัติ ETF ด้าน *บิตคอยน์(BTC)* ที่เปิดประตูให้นักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น คาดว่าสินค้าทางการเงินรูปแบบใหม่ที่จะรวมคริปโตหลากหลายประเภทเช่นนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการ ‘ยกระดับสู่สถาบัน (Institutionalization)’ ของตลาดคริปโตในวงกว้าง
ความคิดเห็น 0